เป็นครั้งแรกของเอเชียที่ทางค่าย TOYOTA ออก Hilux Revo GR Sport มาสู่ตลาดรถกระบะเอาใจคนที่ชื่นชอบความแรง ในสไตล์รถแข่งจาก DNA ของกาซูเรซซิ่งสำหรับการนำประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันมาใส่เอาไว้ในรถถนน
ทำให้หน้าตาของ Revo GR Sport ได้ความคมเข้มสไตล์รถแข่งจากโรงงานที่ไม่จำเป็นต้องแต่งเติมเพิ่มเข้าไป จากการออกแบบให้มีอารมณ์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน
คุ้มค่ากับชุดแต่งพิเศษรอบคันที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่จะช่วยให้ตัวรถทรงตัวได้ดีขึ้นเมื่อต้องใช้ความเร็ว
ในรถรุ่นนี้จะมีสติ๊กเกอร์คาดเอาไว้ตามจุดต่างๆเพื่อบ่งบอกถึงความพิเศษไม่เหมือนใคร เวลาอยู่บนท้องถนนก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือรถกระบะรุ่นพิเศษของ Hilux Revo
ฝาท้ายเปิด-ปิดได้เบามือจากการหน่วงที่ไม่ต้องใช้แรงเยอะ ซึ่งในรุ่น 4 ประตูนี้จะมีพื้นที่ในกระบะเยอะพอสมควรสำหรับการขนสัมภาระ ส่วนตะขอยึดเกี่ยวก็จะถูกติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่ต่ำเวลาใช้ตาข่ายคลุมก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งของกระจัดกระจายได้
ในรุ่นพิเศษนี้จะได้กันชนสีเดียวกับตัวรถ กระจังหน้าจะเป็นสีดำพร้อมสัญลักษณ์ GR ติดเอาไว้ตรงด้านข้าง
ไฟหน้าแบบ LED โคมสีดำเข้ากันได้ดีกับสีของกระจังหน้า
กระจกมองข้างสีดำพร้อมสัญญาณเตือนเมื่อมีรถอยู่ด้านข้างช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังจะเป็นแหนบซ้อนพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง โช๊คอัพเป็นแบบโมโนทูปที่ให้การซับแรงกระแทกได้ดี ไม่นิ่มแต่หนึบในสไตล์รถแข่ง
ไม่ได้โชว์แค่รูปลักษณ์ภายนอกเมื่อได้ขับขี่จริงๆจะรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างรุ่น GR Sport กับรุ่นธรรมดาที่ให้ความมั่นใจเมื่อต้องอยู่หลังพวงมาลัย เป็นอารมณ์ที่สามารถนำไปลงสนามได้เลย
ภายในจะตกแต่งด้วยโทนสีดำสลับแดงเพิ่มสี Smoke Silver พร้อมโลโก้ GR ในอารมณ์รถแข่ง
พวงมาลัยหุ้มหนังมีความแม่นยำในการควบคุมพร้อมขีดแดงด้านบนตรงกลางแค่มองนิดเดียวก็ดูว่าองศาของพวงมาลัยหันไปทางไหน พวงมาลัยหนักมือกำลังดีให้ความรู้สึกมั่นใจในการควบคุม
เบาะนั่ง SUEDE แบบเจาะรูพร้อมหนังสังเคราะห์เดินด้วยด้ายแดงให้ความกระชับพอดีตัวเหมือนอยู่ในรถสปอร์ต พร้อมโลโก้ GR ติดเอาไว้ให้ด้วย
ในรุ่น 4 ประตูเบาะหลังจะรองรับสำหรับ 3 คนแบบสบายๆโดยการออกแบบให้ตรงกลางพนักพิงเป็นพนักงานแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำในตัวซึ่งจะพับเก็บซ่อนไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน
พื้นที่ว่างระหว่างเบาะคู่หน้ากับด้านหลังก็จะมีที่วางขาได้อย่างสบายไม่รู้สึกคับแคบ พร้อมช่องแอร์หลังรองรับการใช้งานได้ดีในเมืองร้อนบ้านเรา
เครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นรุ่น 1GD-FTV (Hight) ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เสริมกำลังด้วยเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ จ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรงแบบ i-ART ความจุ 2,755 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600 -2,800 รอบต่อนาที
ใช้การส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดซึ่งต้องวิ่งเกินร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงเกียร์ 6 ถึงจะทำงาน ส่วนการเลือกระบบขับเคลื่อนที่ใช้แบบปุ่มบิดหมุนจึงใช้งานได้ง่าย เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วจาก 2H เป็น 4H ไม่ต้องหยุดรถที่ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนไป 4L หรือว่าออกจาก 4L ก็จะต้องหยุดรถและเข้าเกียร์ว่างก่อนจึงจะลุยได้อย่างสบายใจ