ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งสำหรับค่ายซูซูกิในการส่งเสริมส่งสวิฟท์เข้าแข่งขันในโครงการอีโคคาร์ เฟสแรก จนถึงวันนี้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค ด้วยSUZUKI SWIFT GL MAX EDITION สปอร์ตแฮทช์แบ็กอีโคคาร์รุ่นตกแต่งพิเศษที่พร้อมเติมเต็มทุกความต้องการด้วยการยกระดับความสปอร์ตเร้าใจให้เหนือขึ้นไปอีกขั้นกับชุดแต่งที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษรอบคันโดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 541,000 บาท
สำหรับ SWIFT GL MAX EDITION คันนี้ยังคงอยู่ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 สำหรับตลาดเมืองไทย ภายนอกดีไซน์เป็นเอกลักษณ์มีความสปอร์ตและดูปราดเปรียวได้ความแตกต่างด้วยการตกแต่งด้วยชุดแต่งดีไซน์ใหม่ กับชุดสเกิร์ตรอบคันพร้อมด้วยสปอยเลอร์หลังเติมเต็มความสปอร์ตให้มากขึ้นไปอีกขั้น เสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม ใช้ซุ้มล้อสีดำ ท่อไอเสียคู่เสริมความดุดันเร้าใจ บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วย ชุดสติกเกอร์ Max Editition
ด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งกว่าเดิมถึง 10 เปอร์เซ็นต์ จากการลดจุดเชื่อมบนตัวถังและประหยัดน้ำมันมากขึ้น การใช้โครงสร้างตัวถังแบบ TECT พร้อมระบบกันการสั่นสะเทือน ระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้งได้ดีเห็นได้จากการเข้าโค้งแคบเร็วๆตัวรถก็ยังสามารถควบคุมได้อยู่
ได้ความคล่องตัวจากการใช้ตัวถังที่มีความยาวน้อยลงกว่าเจนที่สอง 10มม. แต่ขยายฐานล้อให้ยาวขึ้น 20 มม. รวมถึงความกว้างของช่วงล้อหน้าและหลังมากขึ้นอีก30มม.ทำให้มีโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าและด้านหลังสั้นลง อีกทั้งยังออกแบบ ใต้ท้องของตัวรถให้ต่ำลงกว่าเดิม 20 มม.เวลาเข้าไปนั่งในตัวรถก็ยังเหลือพื้นที่เหนือศีรษะมากเช่นเดิม
สำหรับโครงสร้างของช่วงล่างจะเหมือนกับตัวเก่าแต่มีน้ำหนักเบาลง ส่งผลถึงการเกาะถนนทำได้ดีขึ้น บวกกับการใช้ดิสก์เบรก 4 ล้อก็ช่วยให้ความมั่นใจในการหยุดรถได้ดี ตัวเลขของความประหยัดที่ได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการลดน้ำหนักของตัวรถ ซึ่งทำให้ตัวรถเบากว่าเดิม85กก.แต่ก็มีระบบอีเอสพี มาช่วยรักษาการทรงตัวซึ่งทางซูซูกิเลือกของคอนติเนนตัลมาใช้
ไฟหน้าเป็นแอลอีดีโปรเจคเตอร์ ที่ใช้ไฟแอลอีดีดวงเล็กๆตามสมัยนิยม ซึ่งจะกินไฟน้อยกว่าพวกเอชไอดี พร้อมไฟเดย์ไทม์ที่จะลดความสว่างลงมา 30 เปอร์เซ็นต์ในตอนกลางคืน ประตูหลังแบบสปอร์ต มือจับประตูเรียบกับตัวถังซึ่งอยู่ในระดับสูงเกือบจรดหลังคา
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย มาตรวัดสไตล์สปอร์ต พร้อมจอแสดงข้อมูลขับขี่แบบ LCD รวมถึงพวงมาลัยทรงรูปตัว D เพื่อเพิ่มพื้นที่วางเท้าระหว่างเบาะและพวงมาลัย ปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า
ระบบพวงมาลัยอีพีเอสแบบดี-เชฟใช้มอเตอร์มีไอซีคุม แปรผันไปตามวงเลี้ยว ทำให้น้ำหนักแตกต่าง ช่วง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงลงมาจะหนักแน่นดี ส่วนความเร็วสูงระดับ 150กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นจะรู้สึกเบามือกว่า มีระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวบนทางลาดชันช่วยได้เยอะเวลาขับขึ้นไปจอดตามตึกต่างๆและยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ IDLING STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง
ความประหยัดในการใช้งานเป็นผลมาจากซูซูกิเลือกใช้เครื่องยนต์ดูอัลเจ็ท รหัส เค12เอ็ม ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีหัวฉีด 2 หัวต่อ 1 กระบอกสูบ หัวฉีดแต่ละหัวจะมี 6 รู ทำให้น้ำมันกระจายได้อย่างทั่วถึงซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเครื่องยนต์ที่ใช้ก็จะเป็นแบบวาล์วแปรผันทั้งทางฝั่งไอดีและไอเสีย ใช้ไดเร็กคอยล์ มีโซลินอยด์ 2 ตัวควบคุมดูอัลวีวีที อีกทั้งยังติดตั้งอีจีอาร์คูลเลอร์เพื่อลดมลพิษให้ผ่านมาตรฐาน ยูโร 5 ได้
การระบายความร้อนไอเสียด้วยน้ำควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งอีจีอาร์ จะไม่ทำงานตอนเร่งเครื่อง แต่จะทำงานในช่วงความเร็วต่ำๆเครื่องยนต์อยู่ที่ 83 แรงม้าที่ 6, 000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาทีรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E20 ประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยกว่า 23 กิโลเมตร/ลิตร
ระบบส่งกำลังยังคงเป็นเกียร์ซีวีทีมีการพัฒนาอิเลคทริคปั๊มซึ่งจะช่วยให้คลัทช์ทำงานได้ดีในช่วงรอบต่ำๆ ช่วยให้มีการออกตัวได้เร็วขึ้น พร้อม ฮิลท์โฮลคอนโทรลช่วยไม่ให้รถไหลตอนขึ้นเนิน ในเรื่องอัตราเร่งนั้นสามารถเรียกมาใช้งานได้ทันท่วงทีเห็นได้ชัดจากการขับในสนามสั้นๆแคบๆในครั้งนี้ก็ยังได้ความสนุกจากการตอบสนองที่ดีของเครื่องยนต์
มั่นใจตอนกระทืบเบรคแรงๆเพราะมีระบบเบรก ABS และ EBD ที่ช่วยระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ESP ซึ่งระบบจะใช้การควบคุมด้วยเบรก อย่างการเข้าโค้งแรงๆตัวรถจะมีอาการดื้อโค้งก็จะมีการสั่งเบรคล้อหลังที่อยู่ในโค้งซึ่งต่างจากอาการโอเวอร์สเตียร์ ระบบจะสั่งเบรกล้อหน้าซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโค้งก็จะทำให้รถอยู่ในเส้นทางได้ การยกเลิกระบบ อีเอสพี และซีทีเอสทำได้โดยการกดปุ่มค้าง5วินาที แต่ถ้าสตาร์ทรถใหม่ระบบจะกลับมาทำงานเช่นเดิม