เริ่มเข้าสู่วงการไฮบริดกับเขาบ้างสำหรับค่ายซูซูกิ ซึ่งก็ถือเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในค่ายนี้โดยเริ่มกันที่ Ertiga รถครอบครัว 7 ที่นั่งที่บางครั้งก็ต้องการกำลังเพิ่มเมื่อต้องเมื่อมีการเร่งแซงเพื่อให้ได้ความมั่นใจมากขึ้น
Suzuki ERTIGA ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็น รถ 7 ที่นั่ง ที่มีสไตล์และให้อารมณ์การขับขี่ทุกเส้นทางด้วยการออกแบบตัวรถภายนอกตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ไม่ต้านลมซึ่งจะส่งผลดีตอนขับเร็วๆ เสริมหรูด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยม ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ดูดุดันเข้ากับเส้นสายการออกแบบด้านหน้า เสริมด้วยไฟตัดหมอกทรงกลม สำหรับรถครอบครัวอย่าง Ertiga นั้นมีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2018 มีการปรับโน่นนิดนี่หน่อยในปี 2019 อย่างพวกลายล้อแม็ก พอมาถึงปี 2019 ก็มีการปรับเล็กน้อยถึงปัจจุบันปี 2022 ก็จะได้รุ่น Smart Hybrid เพิ่มเข้ามา
ด้วยข้อจำกัดเรื่องของตัวถังที่ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนทำให้ระบบไฮบริดที่ถูกนำมาใช้จึงอยู่ในขอบเขตที่จำกัดไม่สามารถเจาะพื้นตัวถังใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้ ซึ่งระบบ Hybrid แบบนั้นคงต้องรอกันในเจนต่อๆไป สิ่งที่ทาง Suzuki ทำได้คือการหันไปเล่นกับเครื่องยนต์ด้วยการปรับเปลี่ยนไดชาร์จแบบISG( integrated Starter Generator )ที่ทำได้ทั้งการชาร์จไฟและขับเคลื่อนโดยจะชาร์จไฟไปเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 12 โวลท์ 6 Ah โดยใช้กระแสไฟไปขับเคลื่อนตัวไดชาร์จเมื่อต้องการกำลังเพิ่ม ในการขับเคลื่อนก็จะใช้สายพานไปขับเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งตัวไดชาร์จซึ่งจะทำหน้าที่ทั้งการชาร์จไฟแล้วก็ขับเคลื่อนด้วยในช่วงที่ต้องการกำลังเร่งแซง โดยโหมดช่วยกำลังเครื่องยนต์ซึ่งจะให้กำลังสูงสุด 2.3 kw และมีแรงบิดสูงสุด 50 นิวตันเมตรสำหรับการเพิ่มกำลังในการออกตัวหรือว่าเร่งแซง
เครื่องยนต์ก็ยังคงเป็น K15B ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว 1,462 ซีซี จะให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งก็ส่งผลดีในการออกตัวหรือต้องเร่งแซงจะทันใจกว่าพวกเกียร์ CVT โดยเฉพาะกับรถที่มีตัวถังใหญ่แบบนี้ ซึ่งลำพังเครื่องยนต์เดิมๆก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้วแต่เมื่อมีกำลังเพิ่มขึ้นจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยก็ทำให้การออกตัวหรือเร่งแซงทำได้ดีขึ้นแล้วก็มีความประหยัดน้ำมันมากขึ้น
จุดแข็งที่ยังคงเป็นจุดขายของ Suzuki Ertiga กับรถตัวถังใหญ่มีผู้โดยสารมากขึ้นเรื่องความปลอดภัยก็ต้องใส่ใจมากขึ้นทางซูซูกิจึงเลือกแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิมาใช้ ช่วยเพิ่มทั้งสมรรถนะและความปลอดภัย ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถัง TECT ออกแบบจากเหล็กกล้าทำให้ทนทานต่อการสึกหรอจากการใช้งาน
ในส่วนของการปรับเปลี่ยนจนเห็นได้ชัดเจนก็จะเป็นส่วนของกระจังหน้าใหม่จากช่องรับลมเรียงกันตรงๆก็จะปรับเปลี่ยนกระจังหน้าเป็นตัว f แทน ไฟหน้าจะเป็นแบบโปรเจคเตอร์ที่มีการเปิดปิดอัตโนมัติสำหรับไฟหน้าจะมีการส่องสว่างเพื่อการมองเห็นในที่มืดมีอยู่ด้วยกัน 2 ฟังก์ชันก็คือทูโฮมกับทูคาร์ซึ่งทูโฮมก็คือการเดินจากรถไปที่บ้านแล้วก็ถูกขาก็คือเดินออกจากบ้านมาที่รถในช่วงที่ยังมีแสงสว่างน้อย
สำหรับด้านหลังเขาจะมีการปรับในส่วนของสปอยเลอร์ตูดเป็ดและในส่วนที่เชื่อมต่อของไฟท้ายทั้ง 2 ข้างรวมไปถึงตัวหนังสือแบบ Hybrid ที่เพิ่มเข้ามา สะดุดตาด้วยไฟท้าย LED รูปทรงตัวแอลแบบ Light Guidesที่มองเห็นชัดเจนทั้งทางด้านหน้าและด้านข้างเพื่อความปลอดภัยสำหรับรถที่ขับตามหลังมาจะได้เห็นไฟสัญญาณได้อย่างชัดเจน
อยู่โดยรถรุ่นนี้จะได้กระจกมองข้างที่มีไฟเลี้ยวติดมาให้ซึ่งกระจกมองข้างจะพับร่วมกับการล็อคประตูแล้วก็จะกางออกเมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์ซึ่งกระจกมองข้างจะกางออกโดยอัตโนมัติ
Suzuki Ertiga เป็นทางเลือกให้กับคนที่อยากได้รถยนต์ 7 ที่นั่งมีราคาไม่สูงซึ่งรถคันนี้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการเป็นรถครอบครัวและเป็นรถสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวโดยออกแบบเบาะนั่ง 3 แถวให้มีการปรับได้หลากหลาย ซึ่งเบาะแถวกลางจะสามารถปรับให้เลื่อนได้เพื่อให้คนที่จะขึ้นไปยังเบาะแถวหลังสุดขึ้นลงได้สะดวกมากขึ้นรวมถึงการพับพนักพิงเอนราบมาทางด้านหน้าได้
เบาะคู่หน้าเปลี่ยนวัสดุหุ้มใหม่เป็นผ้าสีทูโทนที่มีความหรูหรามากขึ้น มีความกว้างพอดีที่จะนั่งได้แบบสบายๆพร้อมที่วางแขนตรงกลางเบาะ เป็นกล่องใส่ของเล็กๆน้อยได้
เบาะแถวหลังสุดถูกออกแบบมาสำหรับ 2 คน เมื่อไม่ได้ใช้งานก็สามารถพับพนักพิงเอนมาทางด้านหน้าหากต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระภาระเพิ่มขึ้น
การตกแต่งภายในก็จะมีลายไม้เพิ่มความหรูหราส่วนพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าก็สามารถที่จะปรับขึ้นลงได้ 40 มิลลิเมตรส่วนแผงหน้าปัดใหม่ก็จะมีจอสีขนาด 4.2 นิ้วแบบTFT และ LCD มาให้ซึ่งจะได้ความคมชัดตอบสนองต่อการแสดงผลและประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นสามารถปรับการแสดงข้อมูลได้หลายแบบ
ส่วนจอกลางจะมีขนาด 10.1 นิ้วซึ่งมีความละเอียด 1024 x 600 พิกเซลมีวิทยุ AM FM สามารถเล่นวีดีโอไฟล์ทั้ง MP4 mkv มีการเชื่อมต่อบลูทูธ HDMI USB ซึ่งรองรับ iOS และ Android ได้พร้อมช่องเสียบ USB USB Card โดยให้เสียงรอบทิศทางมีปุ่มควบคุมตรงพวงมาลัยพร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์ไว้สายอยู่ตรงหน้าคันเกียร์มาให้ด้วย
ส่วนผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 ไม่ต้องกังวลเรื่องของความร้อนเพราะว่าในรถรุ่นนี้จะมีช่องแอร์ติดอยู่บนเพดานเพื่อกระจายความเย็นให้กับแถว 2 และแถว 3 ได้มีความเย็นสบายไม่นั่งทนร้อนอบอ้าวซึ่งเหมาะสำหรับเมืองร้อนในบ้านเราได้เป็นอย่างดี