ในงาน Motor Expo 2022 ที่ผ่านมาทางค่ายรอยัล เอนฟีลด์ผู้นำระดับโลกด้านรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250 cc – 750 cc) ได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ Urban Scrambler รุ่นแรกของแบรนด์ นั่นก็คือ Royal Enfield Scram 411 ในราคาเริ่มต้น 175,900 บาท สำหรับประเทศอินเดียซึ่งเป็นเจ้าของ Royal Enfield ได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 พร้อมระบุว่าตัวรถจะเป็นรถเอนกประสงค์ในกลุ่ม แอดเวนเจอร์ ครอสโอเวอร์ รุ่นแรกของแบรนด์ที่ออกแบบและผลิตมาเพื่อนักขี่ที่รักการผจญภัย
Scram 411 ใช้ภาพลักษณ์ของ Scrambler มาผสมผสานเข้ากับแพลทฟอร์มของรถแอดเวนเจอร์อย่าง Himalayan ตัวรถใช้แชสซีส์ที่ออกแบบโดย Harris Performance เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนจากสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นบริษัทลูกของรอยัล เอนฟิลด์ จึงได้รูปทรงใหม่ที่อิงตามหลักสรีรศาสตร์จึงเป็นคู่หูที่ลงตัวของผู้ขี่ที่ชอบความคล่องตัวในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะท้าทาย หรือคาดเดาได้ยากแค่ไหน Scram 411 ก็เป็นเพื่อนคู่ใจได้ทั้งเส้นทางที่มีถนนและเส้นทางที่ยังรอการไปค้นหาเพื่อบุกเบิกเส้นทางใหม่ ๆอย่างในออสเตรเลียจะเน้นทางฝุ่น 70% ทางเรียบ 30% แต่ในเมืองไทยกลับกันที่เน้นทางเรียบ 80% ทางฝุ่น 20%
โดย Royal Enfield Scram 411 เป็นรถจักรยานยนต์ที่ต่อไลน์มาจากรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ ทัวเรอร์ รุ่นยอดนิยมอย่าง Himalayan โดยปรับ Scram 411 ให้มีสไตล์ในการขับขี่แบบรถแนวสแกรมเบลอร์ ผสานกับ DNA การผจญภัยที่เข้มข้นอย่างลงตัวขับขี่บนทางเรียบได้มั่นใจมากขึ้น โดยปรับขนาดของยางให้เหมาะสมกับการขับขี่บนทางเรียบ
ตัวรถจะมีการปรับให้ดูต่างไปจาก Himalayan ไม่รู้สึกหนักเมื่อต้องควบคุมกับน้ำหนักตัวเปล่าๆแบบไม่รวมของเหลว 185 กก. ส่วนถังน้ำมันจุประมาณ 15 ลิตร
ตัวรถถูกปรับให้เหมาะกับสรีระของคนเอเซียโดยการใช้เฟรมที่ห้อยลงมายึดเครื่องยนต์แบบ HALF-DUPLEX SPLIT CRADLE FRAME เบาะนั่งถูกปาดเว้าให้ต่ำจึงมีความสูงจากพื้นแค่ 795 มม. ใต้ท้องรถยังคงมีระยะเคลียร์ต่ำสุด 200 มม.
ชุดโคมไฟหน้าเพิ่มหน้ากากเข้ามาครอบโคมไฟกลมที่ใช้หลอดฮาโลเจ้นท์ทำให้ดูทันสมัยมากขึ้น เหมาะกับคนเมืองที่ชอบสไตล์รถกระบะยกสูงไม่เน้นลุยแต่ขอเท่ไว้ก่อน
ด้านหลังจะมีความเพรียวลมแต่ดูมั่นคงแข็งแรง มีราวจับสำหรับคนซ้อนมาให้
มาตรวัดแบบเดี่ยวแต่มีมาให้ครบ
ระบบกันสะเทือนหน้ายังคงใช้แบบเทเลสโคปิคขนาด 41 มม. มีช่วงยุบ 190 มม. ที่มีความทนทานดูแลรักษาง่ายพร้อมเพิ่มยางกันฝุ่นเข้าไป ระบบเบรคหน้าแบบดิสค์เบรกเดี่ยวลอยตัวคาลิเปอร์คู่ พร้อมระบบ ABS แบบดูอัล แชนแนล เส้นผ่านศูนย์กลางจานดิสค์ 300 มม. ยางหน้ามีการลดขนาดลงมาเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานทางเรียบมากขึ้นเป็น 100/90-19
สำหรับด้านหลังจะใช้ระบบกันสะเทือนแบบโมโนช็อคพร้อม Linkage โดยสวิงอาร์มหลังมีระยะให้ตัว 180 มม. จานเบรกหลัง 240 มม. จับคู่กับคาบลิเปอร์แบบลอยตัวสูบเดี่ยวยางหลังจะลดลงมาเป็น 120/90-17
เครื่องยนต์ LS410 ที่ใช้ยกชุดมาจาก Himalayan แบบสูบเดี่ยว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ความจุกระบอกสูบ 411 ซีซี. จ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ให้กำลังสูงสุด 24.3 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 32นิวตันเมตร ที่ 4,000-4,500 รอบ/นาทีส่งกำลังด้วยเกียร์ Constant Mesh 5 จังหวะ คลัทช์เปียกแบบหลายแผ่น ปรับให้กำลังช่วงเกียร์ 3 ไป 4 มีการตอบสนองดีขึ้นซึ่งปกติเครื่องยนต์จะให้แรงบิดที่ดีอยู่แล้วทำให้ขับขี่ได้สนุกทั้งทางเรียบและทางฝุ่น