ลองชิมลางกันครั้งแรกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของค่ายเอ็มจีในการเปิดตัว “MG ZS EV” รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของเอ็มจีในเมืองไทย แม้ว่าชั่วโมงนี้ยังไม่ถึงเวลาแต่ก็ยังเห็นตัวรถยนต์รุ่นนี้อยู่บนท้องถนนแสดงให้เห็นถึงอนาคตของรถยนต์ประเภทนี้ว่าแจ้งเกิดในเมืองไทยได้แน่นอนในอนาคต
ในการใช้งานแต่ละวันไม่มีปัญหาเพราะสามารถเดินทางได้ในระยะ 280 กม. แค่เดินทางไปทำงานก็ไม่น่าจะต้องชาร์จไฟระหว่างทาง แค่ชาร์จไฟที่บ้านให้เต็มก็เพียงพอแล้ว ซึ่งการชาร์จไฟแบบธรรมดาผ่าน MG Home Charger จะใช้เวลาในการชาร์จไฟจาก 0-100% ในระยะเวลาเพียง 6.5 ชั่วโมงซึ่งการใช้งานทั่วๆไปจะยังคงเหลือไฟในแบตเตอรี่อยู่แล้วทำให้การชาร์จไฟจะใช้เวลาน้อยลงกว่านี้
แต่ที่เจอกันสำรับรถยืมก็คือที่บ้านไม่มี Home Charger จึงต้องหาสถานีชาร์จกันก็จะใช้การชาร์จไฟแบบเร็วผ่านสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะโดยใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-80% ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีซึ่งตอนนี้จะหาง่ายขึ้น ยังได้ลงนามความร่วมมือเอ็มจีกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จ EA anywhere ให้กับโชว์รูมของเอ็มจี ทั่วประเทศรวมถึงการลงนามความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการติดตั้งที่ชาร์จ เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดและคลายความกังวลของผู้บริโภคในการที่จะตัดสินใจใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ดังนั้นเทคนิคที่ใช้สำหรับการไม่มี Home Charger ก็คือใช้งานให้เหลือปริมาณไฟในแบตเตอรี่ประมาณ 50% แล้วหาสถานีชาร์จไฟ อย่างที่ใช้ปริมาณไฟเหลือ 52% แล้วใช้สถานีชาร์จไฟของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตตรงบางกรวยใชเวลา 1 ชั่วโมง ก็ได้ปริมาณไฟขึ้นไปเป็น 96% โดยไม่ต้องเสียเงินทำให้ใช้งานอย่างสบายใจไปได้อีกวัน
เวลาอยู่บนท้องถนน MG ZS EV จะโดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์กับสีตัวถังแบบพิเศษ “สีฟ้า Copenhagen Blue” พร้อมกระจังหน้าที่ทันสมัยซ่อนจุดชาร์จที่ติดตั้งไว้บริเวณหลังกระจังหน้าและได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่ดีไซน์มาให้รถรุ่นนี้โดยเฉพาะ
MG ZS EVเปิดตัวก่อน MG ZS โฉมปัจจุบันจึงมีหน้าตาแตกต่างกันโดยจะไปเหมือนกันกับโฉมที่แล้วเมื่อมองด้านหน้าจะไม่เห็นไฟตัดหมอกเพราะรถรุ่นนี้จะเน้นการใช้งานในเมือง ชานเมืองมากกว่าจะเป็นการเดินทางไกลแต่ก็ได้ชุดไฟหน้าที่เป็นแบบโปรเจคเตอร์เพื่อความสว่างอย่างชัดเจนยามค่ำคืน
ภายในห้องโดยสารตกแต่งโทนสีดำคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุนุ่มแบบ Soft touch ให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับมากขึ้น ทำให้แผงคอนโซลที่ดูแตกต่างไปอีกแบบกับการใช้สีดำแล้วเพิ่มเส้นคาดที่เป็นสีของพื้นผิวอลูมิเนียม
พวงมาลัยทรงสปอร์ตหุ้มหนังที่ตัดตรงด้านล่างแบบพวงมาลัยสปอร์ตจะได้ไม่ติดขาคนขับ ในแบบพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ที่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานในรถที่เชื่อมกับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วได้เพียงปลายนิ้ว ไม่ต้องกังวลกับเมืองร้อนกับระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มาพร้อมระบบกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5
อีกทั้งยังมีห้องโดยสาร ที่กว้างสบายและยังคงโดดเด่นด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาซึ่งกระจกซันรูฟที่เลื่อนได้จะอยู่ด้านหน้ามีขนาด 420 มม.ส่วนด้านหลังจะยาว 830 มม. ไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนเพราะมีม่านกรองแสงช่วยสะท้อนความร้อนได้เป็นอย่างดี
ถึงจะเป็นรถที่ดูเหมือนกันกับ MG ZS แต่ MG ZS EV จะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%จึงให้อัตราเร่งที่รวดเร็วและต่อเนื่อง พร้อมการขับขี่ที่เงียบ ปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน
การขับเคลื่อนจะมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ได้รับการพัฒนาให้ส่งกำลังได้ดีเยี่ยม และช่วยระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น โดยมีพละกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ด้วยระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที และให้ระยะทางขับเคลื่อนสูงสุดอยู่แถวๆ300 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
การจัดเก็บพลังงานจะเป็นหน้าที่ของแบตเตอรี่ แบบลิเธี่ยม ไอออนความจุ 44.5 kWh ที่ผ่านการรับรองและทดสอบตามมาตรฐานสากล โดยสามารถวิ่งผ่านน้ำที่มีความสูงได้ถึงกว่า 40 เซนติเมตร ในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งยังมีระบบการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศา และระบบการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะที่ช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำและสูง และระบบควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อยกคันเร่งจะมีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับการขับขี่ของแต่ละคน ประกอบด้วย โหมดการขับขี่แบบ Eco เพื่อการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้นแต่เวลายกคันเร่งจะเกิดอาการหน่วงมากหน่อยเหมือนกับการเหยียบเบรกอยู่เรื่อยๆ การใช้แบบ Normal จึงเหมาะสำหรับการขับขี่ทั่วไปมากกว่าได้ความราบรื่นไม่ต่างจากการขับรถทั่วๆไป ส่วนแบบ Sport เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจแต่จะใช้ไฟมากกว่าการใช้โหมดอื่น
ในรถรุ่นนี้ยังมีการติดตั้งไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์มาให้พร้อม
ที่ขาดไม่ได้คือระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ใช้การสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย หรือ SMART Command ด้านการเชื่อมต่อผ่านหน้าจอภายในรถ หรือ SMART Connect และด้านการตรวจเช็กรถจากมือถือ หรือ SMART Check ซึ่งสามารถเช็คระดับพลังงานคงเหลือของแบตเตอรี่ เช็คสถานะและระยะเวลาของการชาร์จแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์ การค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าใกล้เคียง หรือสถานีชาร์จที่โชว์รูมทั่วประเทศ รวมทั้งการสั่งการ MG Home Charger สำหรับการชาร์จไฟที่บ้านได้อีกด้วย