MG ZS ได้แนะนำสู่ตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2560 เจาะกลุ่มตลาดระดับ บี เซ็กเมนท์ที่มีกลุ่มลูกค้ากว้างมากซึ่งทางเอ็มจีมองว่าตลาดรถยนต์เอสยูวียังคงเติบโตเพราะหลายๆคนจะเปลี่ยนการใช้รถจากพวกซีดานหรือแฮชแบค มาเล่นรถยนต์เอสยูวี ที่มีความอเนกประสงค์มากกว่า รุ่นเริ่มต้นซึ่งเป็นรุ่นซี ราคาอยู่ที่ 867,9000 บาท ขยับขึ้นเป็นรุ่นดี ราคา 729,000 บาทและรุ่นท็อปสุดราคา 789,000 บาท พอเป็น NEW MG ZS รุ่น C+ราคา 689,000 รุ่น D+ราคา 739,000 รุ่น X+ราคา 799,000 เป็นราคาที่ถูกลงกว่าเดิม
MG ZS โฉมใหม่ ยกระดับไปอีกขั้นของยนตรกรรม SUV ที่มาพร้อมนิยาม “SMART UP สมาร์ทเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน” ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ให้ความสปอร์ต หรูหราตามแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นอีกขั้นทั้งในด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE)การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) ความสะดวกสบาย (COMFORT) และความปลอดภัย (SAFETY) ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สมาร์ทของทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น NEW MG ZS เป็นยนตรกรรมที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอย่างเต็มขั้น
NEW MG ZS โดดเด่นด้วยสไตล์ความเป็นสปอร์ตและรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ดูๆไปก็คล้ายกับกระจังหน้าของรถยนต์จากัวร์ เป็นกระจังหน้าขนาดใหญ่รับลมได้เต็มๆ ถูกออกแบบมาให้สอดรับกับชุดไฟหน้าที่เป็นแบบโปรเจคเตอร์ ใช้โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ที่จะทำงานผสานกันเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
การออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี เพิ่มความสมาร์ทด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว
ภายในถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทน มีการเลือกใช้วัสดุบุนุ่มมาใช้งานซึ่งหาได้ยากในรถยนต์ที่มีราคาขนาดนี้ ทำให้แผงคอนโซลหน้ากลายเป็นสีทูโทนที่ดูดแตกต่างไปอีกแบบ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5
โดดเด่นขึ้นอีกขั้นด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นซึ่งพวงมาลัยที่ถูกเลือกมาใช้งานจะเป็นแบบตัดตรงด้านล่างแบบพวงมาลัยสปอร์ต จะได้ไม่ติดขาคนขับและเพื่อความสวยงามวัสดุอลูมิเนียมจึงถูกเสริมเข้าไปในบางจุดทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้น
หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ (Digital Multi-Function Display) และหน้าจอ touch screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ซึ่งรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มาพร้อมSmart Command ที่สามารถสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมยกระดับความสมาร์ทเพื่อความปลอดภัย ด้วยระบบ Emergency Call ซึ่งจะมีการโทรและส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ได้มีการตั้งค่าไว้เมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงานทำให้การเข้าช่วยเหลือทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start ง่ายกับการใช้งานด้วยSmart Check ที่จะทำให้การตรวจสอบรถของคุณง่ายดายยิ่งขึ้น โดยสามารถ ตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อคหรือปลดล็อคประตูรถ ค้นหารถด้วยระบบ Find My Carช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application
เบาะหลังรองรับผู้โดยสารได้3คนโดยมีหมอนรองศีรษะมาให้ครบทุกตำแหน่งพร้อมเข็มขัดนิรภัยถูกติดตั้งมาให้พร้อม สามารถพับพนักพิงลงมาด้นหน้าได้เมื่อต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่ม พนักพิงพับแยก60:40 แต่พับแล้วด้านหน้าจะสูงกว่าเล็กน้อย
ความเหนือกว่าของรถเอสยูวี เมื่อเทียบกับรถยนต์ซีดานก็คือจัดวางอุปกรณ์ภายในรถ อย่างพื้นห้องเก็บของก็ยังสามารถลดความสูงลงได้อีก 100 มิลลิเมตร เมื่อเจอสัมภาระที่มีความสูงก็ยังสามารถนำไปจัดเก็บได้ สามารถ เชื่อมต่อโลกออนไลน์อย่างชาญฉลาด ด้วยSmart Connect สามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิ่ง ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์
ยังคงสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ที่ใช้พื้นที่หลังคาถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จึงใหญ่ที่สุดในรถระดับนี้เป็นกระจกซันรูฟที่เลื่อนได้จะอยู่ด้านหน้ามีขนาด 420 มม.ส่วนด้านหลังจะยาว 830 มม. ไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนเพราะมีม่านกรองแสงช่วยสะท้อนความร้อนได้เป็นอย่างดี
การเป็นรถใช้งานก็ไม่ได้ขี้เหร่นักสำหรับรถเอสยูวีรุ่นเล็กของทางเอ็มจีขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาทีใช้อยู่ในเอ็มจี แซดเอสตัวก่อนหน้าสามารถตอบสนองได้เพียงพอสำหรับการใช้งาน ช่วงออกตัวจะเห็นแรงดึงได้อย่างชัดเจน
ระบบส่งกำลังเดิมจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดมาคราวนี้เปลี่ยนเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีดแทน สามารถปรับได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตที่จะให้ความเร้าใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น เวลาเดินทางอัตราเร่งจะมาเรื่อยๆแบบเกียร์ CVT พอเริ่มลอยตัวอัตราเร่งจะทำได้รวดเร็วขึ้น
NEW MG ZS มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ EURO TUNING SUSPENSION ที่ให้การทรงตัว อย่างดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่จะทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ NEW MG ZS ยังมาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) และ ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างรวม 6 จุด และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer