Mercedes-Maybach EQS 680 SUV รถยนต์ไฟฟ้า BEV (Battery electric vehicle) รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Mercedes-Maybach ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีที่ตอบโจทย์การใช้งานอันเหนือระดับนับเป็นยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury ที่สามารถมอบประสบการณ์แบบครบทุกสัมผัสทั้ง 5 อย่างเหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็น ความสวยงามของการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Mercedes-Maybach ที่ผสานความหรูหราและล้ำสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดดเด่นด้วยระบบไฟหน้า DIGITAL LIGHT สามารถปรับความสว่างได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมและการจราจร มาพร้อมการติดตั้งระบบประตูแบบ Soft Close พร้อมประตูไฟฟ้า Electric Door ทั้ง 4 บาน และเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมระบบ KEYLESS-GO Convenience Package Plus สามารถเปิด-ปิดและควบคุมประตูได้ทั้งบานคู่หน้าและคู่หลัง โดยประตูไฟฟ้าสามารถทำงานได้แม้อยู่บนทางลาดชัน และทำงานร่วมกับระบบแจ้งเตือนอันตรายก่อนการเปิด-ปิดประตูรถ ทั้งยังมาพร้อม Rear axle steering 10° โดยที่ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้มากถึง 10° ช่วยให้การขับขี่คล่องตัวและเลี้ยวได้อย่างง่ายดายแม้ในพื้นที่แคบ
ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกติดตั้งบริเวณเพลาขับหน้าและหลัง ให้กำลังสูงสุดถึง 658 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.4 วินาที ต่อเนื่องทุกการเดินทางด้วยแบตเตอรี่แบบ High-voltage ชนิด Lithium-ion ที่มีความจุมากถึง 118.0 kWh พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ดีที่สุดอย่าง fully-variable 4MATIC+ all-wheel drive สามารถวิ่งได้ไกลถึง 615 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (WLTP)
เมื่อเข้ามายังภายในห้องโดยสาร จะพบกับหน้าจอ MBUX Hyperscreen ยาวต่อเนื่องกันถึง 56 นิ้ว ซึ่งออกแบบตามแนวคิด Zero Layer concept พร้อมกระจกป้องกันรอยขีดข่วนคุณภาพสูง Gorilla® Glass แผ่นเดียวต่อเนื่องตลอดทั้งหน้าจอ โดยแบ่งการใช้งานเป็น 3 ส่วน ได้แก่ หน้าจอ Driver Display แบบ LED matrix backlighting ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอ Central Display แบบ OLED ขนาด 17.7 นิ้ว และ หน้าจอ Co-driver Display แบบ OLED ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งแสดงผลได้คมชัดยิ่งขึ้นผู้โดยสารสามารถใช้หน้าจอ Co-driver Display ในการช่วยเหลือผู้ขับขี่ โดยสามารถตั้งค่า ตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของรถ ค้นหาแผนที่ และใช้งานสื่อบันเทิงได้โดยไม่รบกวนผู้ขับขี่ ผสานการทำงานกับระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชันที่ 2 ภายใต้ระบบ NTG7 ที่รองรับคำสั่งเสียงได้มากถึง 27 ภาษา
เติมความลักชัวรีในทุกสัมผัสไปอีกขั้น ด้วยการติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Exclusive Nappa Leather ที่หรูหราและสะดวกสบายที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ พร้อมเบาะนั่งพิเศษ Active Multi-Contour ที่มีระบบนวดกว่า 10 โปรแกรม แบบ ENERGIZING massage function และระบบปรับอุณหภูมิเบาะแบบ Climate seats ได้ทั้งแบบอุ่นและแบบเย็น ทั้งยังสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL พร้อม HEPA FILTER ผสานการทำงานร่วมกับ AIR BALANCE PACKAGE ในการมอบบรรยากาศที่สดชื่นรอบห้องโดยสาร
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV ยังโดดเด่นด้วยฟีเจอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทั้งหน้าจอแบบ MBUX High-End Rear Seat Entertainment จำนวน 2 หน้าจอ ขนาด 11.6 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัสแบบ Multi-touch ที่ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์หรือ YouTube ได้อย่างง่ายดาย สามารถเล่นเสียงผ่านเครื่องเสียงภายในรถ หรือผ่านหูฟังแบบ Bluetooth Audio พร้อมรองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบ Mini HDMI มาพร้อม MBUX rear tablet หน้าจอขนาด 7.4 นิ้ว แบบ HD-resolution Display สามารถสลับการใช้งานได้ระหว่าง MBUX และ Android โดยแท็บเล็ตจะเชื่อมต่อและควบคุมหน้าจอต่าง ๆ ภายในรถผ่านสัญญาณ Wi-Fi สามารถควบคุมการเปิด-ปิดม่าน ระบบปรับอากาศ ระบบ climate seat และระบบนวดสำหรับที่นั่งตอนหลังได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการติดตั้งตู้เย็นบริเวณด้านหลังที่เท้าแขนของผู้โดยสารตอนหลัง ความจุ 10 ลิตร พร้อมปุ่มควบคุมอุณหภูมิ (+7°C ถึง +1°C) ออกแบบพิเศษสำหรับแช่แชมเปญได้ 2 ขวด พร้อมที่วางแก้วแชมเปญสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
นอกจากนี้ ระบบความบันเทิงยังจัดมาแบบเต็มพิกัด สามารถเปลี่ยนห้องโดยสารให้เป็นคอนเสิร์ตของศิลปินคนโปรดได้ด้วยระบบเสียง Burmester® 4D surround sound system ด้วยลำโพงคุณภาพสูงกว่า 15 ตัว แบบ Premium Speakers ติดตั้ง Amplifier Channels ให้กำลังขับสูงสุด 790 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® และหูฟังไร้สายความละเอียดสูง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancellation ที่จะมอบประสบการณ์เสียงคุณภาพรอบทิศทาง
รถยนต์คันนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัย Assistance Package อย่างครบครัน อาทิ ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) Active Steering Assist ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และ Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน 360° ฯลฯ วางจำหน่ายเริ่มต้นในราคา 12,500,000 บาท
โดยมีสี Non-Metallic Paints ให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Black) และสีขาว (Polar White) มีสี Metallic Paints ให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีดำ (Obsidian Black) สีน้ำตาล (Velvet Brown) สีน้ำเงิน (Sodalite Blue) สีเงิน (High-tech Silver) สีเขียว (Emerald Green) และสีเทา (Selenite Grey) ส่วน MANUFAKTUR Paints Finish ทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) นอกจากนี้ ยังสามารถเลือก Optional Extra เป็นสีทูโทน อาทิ Selenite Grey/Obsidian Black, Nautic Blue/High-tech Silver, Obsidian Black/High-tech Silver, MANUFAKTUR Kalahari Gold Metallic/Obsidian Black และ Onyx Black/Satin Brown เป็นต้น