ความสำเร็จในอดีตกับการเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดรถกระบะยุคของแฟมิเลียยังคงตราตรึงอยู่ในใจของแฟนๆทั้งหลายของมาสด้ามาวันนี้การย้ายขั้วมาจับมือกับอีซูซุดูท่าทางจะสดใสขึ้น เห็นได้จากยอดจองที่เข้ามาอย่างหนาแน่นหลัง bt-50เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองไทย หากถามว่าทำไมต้องซื้อกระบะมาสด้ามาใช้งานซื้ออีซูซุ เลยไม่ดีกว่าเหรอ ก็ต้องยอมรับว่าหน้าตามันต่างกันBT-50 จะได้จุดแข็งของอีซูซุในเรื่องความทนทานของเครื่องยนต์และช่วงล่างที่ไม่จุกจิกไม่มีปัญหามากวนใจ เมื่อรวมเข้ากันกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าก็จะได้ 2 จุดแข็งมารวมกันในกระบะรุ่นนี้
เป็นครั้งแรกกับการได้ลองขับ Mazda bt-50 แบบใช้งานจริงบนถนนหลังจากผ่านประสบการณ์มาบ้างแล้วในสนามบริดจสโตนก็ต้องยอมรับว่ามีทั้งข้อดีและสิ่งที่ต้องปรับปรุงสำหรับ bt-50 เพื่อให้เข้ากับ DNA ของมาสด้าอย่างแท้จริง รุ่นที่ได้ขับในครั้งนี้จะเป็น BT-50 Hi-Racer1.9 สี่ประตูที่ดูเหมาะสมกับการใช้งานทั่วๆไปสามารถใช้แทนรถเก๋งได้อีกทั้งยังมีพื้นที่บรรทุกทางด้านหลังที่มากพอสำหรับการขนส่งสินค้าในแต่ละครั้ง
ในรุ่น 4 ประตูขับสองยกสูงดูจะเข้ากับ Concept ที่ทางมาสด้าวางไว้ให้กับ bt-50 ที่เน้นความหล่อมาดเข้มไม่เน้นลุย กระโปรงหน้ารถที่สูงทำให้ด้านหน้าดูบึกบึนและทรงพลังตามแบบฉบับของรถปิกอัพ ส่วนเส้นสายที่ลากยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปตามแนวสะท้อนของด้านข้างรถต่อเนื่องไปจนถึงไฟท้าย ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง
โดยหน้าตาจะดูคล้ายๆกับพวกรถ SUV ที่มี Signature อยู่ที่กระจังหน้าขนาดใหญ่ใช้ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์เป็นดีไซน์เดียวกันกับที่เริ่มใช้ใน Mazda 3 และ CX 30 ไฟหน้าแบบ LED ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว และเป็นทรงกระบอก ทำให้ได้แสงไฟที่สว่างไสว ดูมีมิติและชัดเจน ที่เห็นแล้วรู้ว่าทันทีว่าเป็นลักษณะการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า
เมื่อมองจากด้านหลัง ซุ้มล้อที่ดูโดดเด่นให้ภาพลักษณ์ที่ทรงพลัง กระบะท้ายที่ทอดยาวไปจนถึงสัญลักษณ์มาสด้าที่ด้านหลัง สร้างความรู้สึกที่ต่อเนื่องจากด้านหน้ารถไปจนถึงด้านหลัง ส่วนไฟท้ายก็เป็นรูปทรงกระบอกเช่นเดียวกับไฟหน้า
ภายในเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางอันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า เป็นการผสมผสานระหว่างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกับความทนทานและทรงพลังของรถปิกอัพ คอนโซลออกแบบในแนวราบที่ขยายออกไปถึงประตูทั้งสองด้าน ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางเป็นคอนโซลหน้าที่ดูแข็งแรง แผงคอนโซลหน้ามาพร้อมกับแผ่นรองหัวเข่า พร้อมการเดินตะเข็บด้ายอย่างพิถีพิถันบนแผงหน้าปัด คอนโซลหน้า และแผ่นรองหัวเข่า มาตรวัดแบบอนาล็อก 2 ชุด โดยมีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ตรงกลาง และมีแผงหน้าปัดด้านหลังสีดำสนิท จึงทำให้ตัดกันอย่างชัดเจนระหว่างตัวอักษรสีขาวกับขอบสีเงินของมาตรวัดแบบอนาล็อก ซึ่งให้ความรู้สึกลุ่มลึกและดุดัน
การตกแต่งภายในด้วยหนังจะมาพร้อมกับเพดานและเสาสีดำ ควบคู่กับเบาะหนัง แผงประตูและส่วนอื่นที่ผู้โดยสารสัมผัสได้โดยตรงเป็นสีน้ำตาลเข้ม ช่วยให้สัมผัสได้ถึงการออกแบบภายในที่มีคุณภาพ ความสะดวกสบายทัดเทียมกับรถยนต์นั่ง โดยมีระยะบริเวณไหล่ด้านหน้า 1,463 มิลลิเมตร และมีระยะห่างระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า 770 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้น การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดี
เบาะนั่งด้านหลังของรถปิกอัพมาสด้า BT-50 ใหม่ ในรุ่นดับเบิ้ล แค็ป ยังกว้างขวางและมาพร้อมกับพนักพิงหลังที่ทั้งสบายและให้ตำแหน่งการนั่งที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงมีพื้นที่ใต้เบาะนั่งด้านหน้าที่ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถยืดขาได้จึงทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ประตูด้านหลังสามารถเปิดออกได้กว้าง เว้าขอบล่างประตูหลังและเสาบีก็ช่วยให้มีพื้นที่กว้างเพียงพอสำหรับเท้าและหัวเข่า ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการขึ้นและลงรถของผู้โดยสารที่นั่งในแถวหลัง มือจับซึ่งอยู่ด้านบนของเสาบี ก็ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงจากประตูด้านหลังรถได้สะดวกยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตรที่วางในรถรุ่นนี้ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่3,600รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่1,800-2,600รอบ/นาที มาพร้อมระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ออกตัวได้แรง ให้กำลังฉุดลากสูงเมื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ที่1,800รอบ/นาทีขึ้นไปอัตราเร่งจะทำได้ดีกว่าการใช้รอบต่ำๆ การเข้าเกียร์ง่ายและแม่นยำมีคลัทช์ที่เบาเท้าทำให้ไม่เมื่อยขาเมื่อต้องเหยียบกันบ่อยๆ ที่ความเร็ว100กม./ชม.จะอยู่ที่1,700รอบ/นาที
โครงสร้างตัวถังผลิตจากเหล็กกล้าทนแรงดึงสูงแข็งแกร่งกว่าเหล็กธรรมดา ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดการสั่นสะเทือนรวมถึงเสียงรบกวนจากภายนอก ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริงที่ช่วยเพิ่มความนุ่มสบาย ซับแรงกระแทกที่จะเข้าสู่ห้องโดยสาร พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ชุดแหนบด้านหลังที่เพิ่มความสามารถในการบรรทุก แต่ความรู้สึกของช่วงล่างยังขาดอารมณ์นุ่มหนึบที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าต้องดูในอนาคตว่าทางมาสด้าจะปรับปรุงกันอย่างไร