LAMBRETTA เปิดตัวรุ่น G350 Series II สกู๊ตเตอร์คลาสสิกระดับไฮเอนด์ เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เพียงแค่การถ่ายทอด DNA แท้ของ LAMBRETTA เอาไว้ในตัวตน แต่ยังเติมเต็มด้วยงานดีไซน์สไตล์อิตาเลียนอันโดดเด่น ตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลในความงดงามแบบคลาสสิกได้อย่างลงตัว กับการกลับมาในรูปโฉมใหม่ของ “Remaster Collection” ในดีไซน์ที่ยกระดับความคลาสสิกเข้าสู่ความเป็นตำนานของแลมเบรตต้ามากยิ่งขึ้น
สำหรับรุ่น G350 ถือกำเนิดครั้งแรกขึ้นในปี 2022 ในวาระพิเศษของการเฉลิมฉลองปีที่ 75 ของแบรนด์แลมเบรตต้า ที่จัดขึ้นภายในงานศิลปะชื่อดัง อย่างงาน Milan Design Week 2022 ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี การเปิดตัว “G350 Series II” (จี สามห้าศูนย์ ซีรีย์สอง) กับการสานต่อความสำเร็จจากรุ่นแรก สู่การกลับมาอีกครั้งในรูปโฉมใหม่ของ “Remaster Collection” ในดีไซน์ที่ยกระดับความคลาสสิกเข้าสู่ความเป็นตำนานของแลมเบรตต้ามากยิ่งขึ้น กับ 4 คู่สีสัน สไตล์ทูโทน ที่แต่ละสีล้วนถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนความเรียบหรูและสง่างาม อีกทั้งยังมีการนำ Iconic badge ที่เคยปรากฏในรุ่นตำนานในอดีต มารีดีไซน์และประดับไว้ใน G350 Series II ได้อย่างลงตัว ยิ่งเป็นการเติมเสน่ห์ให้รุ่น G350 Series II และตอกย้ำว่า มันไม่ใช่แค่เพียงรถสกู๊ตเตอร์ แต่ยังเป็นงานศิลปะชิ้นสำคัญที่สะท้อนถึงมรดกและความงดงามแห่งวัฒนธรรมอิตาลีอีกด้วย
สำหรับ LAMBRETTA G350 Series II ยังคงมาพร้อมกับฟังก์ชั่นเอกลักษณ์สุดพรีเมียม กับเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ขนาด 330.1 ซีซี 4 จังหวะ 1 สูบ 4 วาล์ว ที่มีคาแรคเตอร์การขับขี่ที่ให้ความสมูท ตอบโจทย์ผู้นิยมความคลาสสิก พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
โดดเด่นด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวรถแบบ Low & Long เอกลักษณ์ของ LAMBRETTA มาตั้งแต่อดีต สู่รุ่นปัจจุบัน พร้อมบอดี้ตัวรถเหล็กแกร่งแบบ Full Monocoque Frame ที่เพิ่มความพิเศษดีไซน์ให้บริเวณข้างถังทั้งสองข้างสามารถถอดแยกชิ้นได้ เพื่อให้ง่ายต่อการเซอร์วิส รวมไปถึงการคัสตอมแต่งรถในสไตล์ต่างๆ ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย และแม้ว่าตัวรถจะยังคงดีไซน์สไตล์คลาสสิกตาม DNA ของ LAMBRETTA ทั้งช่องแตรหรือที่ชาวแลมเบรตติสต้าเรียกกันว่าจมูกหมู รวมไปถึงบังโคลนแบบคงที่ หรือ Fix Fender และเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับไฟหน้าดีไซน์หกเหลี่ยม มาในระบบไฟ LED ทั้งไฟหน้า-หลัง ไม่เพียงให้ความสว่างในการขับขี่ แต่ยังให้ความภาคภูมิใจในดีไซน์อันเป็นตำนานของ LAMBRETTA
นอกจากความคลาสสิกแล้วยังเพิ่มเติมในส่วนของเทคโนโลยีทันสมัยมากับหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ที่ให้สีสันคมชัด สามารถปรับระดับแสงหน้าจอได้ และมีเซ็นเซอร์ที่สามารถปรับหน้าจอจากโหมดหน้าจอสว่าง สำหรับกลางวัน (Day) เป็นหน้าจอมืดสำหรับกลางคืน (Night) เมื่อตั้งค่าหน้าจอที่โหมดอัตโนมัติ (Auto) พร้อมฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อบลูทูธ ที่สามารถโชว์เบอร์สายเรียกเข้าบนหน้าจอ และในส่วนของเทคโนโลยีการขับขี่ที่สามารถควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบระบบช่วงล่างในชุดกันสะเทือนหน้าแบบ Double Arm-Link ที่ถอดแบบดีไซน์เอกลักษณ์จากรุ่นตำนานของ LAMBRETTA มาไว้ในรุ่น G350 Series II เช่นเคยกับ Performance ที่ให้อารมณ์ความสมูทขณะขับขี่ มาพร้อมกับยางติดรถจากแบรนด์อิตาลีอย่าง Pirelli ยึดเกาะพื้นถนนให้ความปลอดภัยเหมาะกับการขับขี่ในเมืองไทย และเพิ่มความมั่นใจกับระบบดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำงานพร้อมกับระบบเบรกแบบ Dual-channel ABS กับราคาเปิดตัวแนะนำขายที่ 216,500 บาท เรียกได้ว่าเป็นราคาที่สมกับการได้ครอบครองความหรูหราและความคลาสสิกของสายเลือดแห่งตำนานสกู๊ตเตอร์ที่สะท้อนถึงสไตล์ รสนิยม และความเป็นตัวตนของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี