หากเป็นเมื่อก่อน CBR 500R อาจจะเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้บิ๊กไบค์ขนาดกลางมาใช้งานด้วยของที่ยังให้มาไม่เต็มทำให้สามารถเลือกรุ่นอื่นมาทดแทนได้หากเป็นตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า CBR 500R มาแบบครบเครื่องได้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตเต็มตัวที่ไม่เลือกไม่ได้แล้ว
ความเป็นสปอร์ตของ CBR 500 มาตั้งแต่เริ่มต้นจนบางคนบ่นว่าน่าจะไปใช้กับ 650 ด้วย กับรูปโฉมที่มาแบบ Sport full fairing พอมาถึงโฉมปัจจุบันทาง Honda ก็ได้ปรับด้วยการกำจัดข้อด้อยที่มีอยู่ในรุ่นเก่าออกไปจนได้ CBR 500R ที่มาแบบเต็มๆในอารมณ์ของรถสปอร์ต
การพัฒนาตามหลักอากาศพลศาสตร์จึงได้มอเตอร์ไซค์ที่เพรียวลมมีตูดแหลมๆฝังไฟท้ายแอลอีดีเข้ารูปเอาไว้ กับท่านั่งที่ต้องหมอบหน่อยๆช่วยให้การใช้ความเร็วสูงทำได้นิ่งลดการต้านทานของลมไปได้ดี
ถังน้ำมันขนาด 17.1 ลิตรถูกออกแบบให้มีความลาดลงเข้าหาตัวผู้ขับขี่มีประโยชน์ตอนหมอบทำความเร็วสูง
เฟรมจะเป็นเหล็กกลม Diamond Steel Tube ขนาด 35 มม.มีการเปลี่ยนจุดยึดของเครื่องยนต์เพื่อลดแรงสะเทือนให้น้อยลงวางเบาะนั่งที่มีความสูงเหมาะสมกับคนไทยโดยมีความสูงจากพื้น 785 มิลลิเมตร
การปรับปรุงในจุดต่างๆทำให้ CBR 500R เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ทรงตัวได้ดีขึ้นคุมรถได้ง่ายขึ้น แม้จะใช้ความเร็วสูงเกือบ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอาการรถก็ยังคงนิ่งไม่มีอาการที่ยากต่อการควบคุม
มาตรวัดแบบดิจิตอล LCD มีข้อมูลมาให้ครบครันที่จำเป็นต้องใช้งาน โดยวัดรอบมีค่าจากโรงงานอยู่ที่ 8,750 รอบต่อนาที มีไฟเตือนให้เปลี่ยนเกียร์จะได้รู้ว่าตอนนี้เราใช้รอบเครื่องยนต์สูงเกินไปมาให้ด้วย
เป็นสิ่งที่หลายๆคนอยากได้ในครั้งนี้ทาง Honda จึงติดตั้งมาให้เป็นดิสก์เบรกหน้าคู่แบบลอยตัว จานเบรคขนาด 296 มม. 4 ลูกสูบ วางลูกสูบตรงข้ามกันทำให้การทำงานของเบรกมีประสิทธิภาพมากขึ้น เห็นผลได้ชัดเจนตอนเบรกหนักๆเพื่อลดความเร็วก่อนจะเข้าโค้งสามารถกำหนดจุดเบรกได้ตามที่ใจสั่งพร้อม ABS
สวิงอาร์มหลังใหม่ใช้เหล็กหนา 2 มิลลิเมตรมีน้ำหนักเบาลงแต่แข็งแรงขึ้น พร้อมล้อหลังที่มีก้านรูปตัว y ที่มีน้ำหนักเบาลง 455 กรัม เบรคหลังขนาด 240 มม. ลูกสูบเดี่ยวพร้อม ABS โช๊คอัพหลังปรับได้ 5 ระดับ
อีกอย่างหนึ่งที่โดนใจก็คือโช๊คอัพของโชว่าแบบหัวกลับขนาด 41 มม. มีช่วงยุบมากขึ้นเป็น 108 มม. นี่ถ้ามีปรับหนืดมาให้ด้วยคงจะดีไม่น้อย เป็นโช๊คอัพที่ออกแบบมาให้เข้ากับล้อหน้าขนาด 19 นิ้วที่มีน้ำหนักเบาลง 49 กรัม เป็นการออกแบบให้มีการถ่ายเทน้ำหนักไปทางข้างหน้ามากขึ้นเพื่อจะได้คุมรถได้นิ่งขึ้น
เครื่องยนต์แถวเรียง 2 สูบ 471 ซีซี DOHC4 วาล์วต่อสูบระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมบาลานเซอร์ 2 ตัวจึงไม่เกิดอาการสั่นตอนใช้รอบสูงๆ พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงที่มีแรงเฉื่อยน้อยลง เป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังในช่วงกลางๆ 3,000- 7000รอบ/นาที ดีขึ้นไม่มีอาการรอรอบทำให้ขับขี่ได้สนุก เรียกกำลังออกมาใช้งานได้รวดเร็ว ทำให้ขับขี่ในสนามมีความสนุกมากขึ้น
ด้วยแฮนด์ที่ไม่สูงทำให้ท่านั่งต้องหมอบนิดๆมีชุดแฟริ่งที่มีช่องเล็กช่องน้อยคอยรับลมและระบายออก ไฟหน้าแบบ LED ที่มีความสว่างมากขึ้นจาก 200 เป็น 250 ลูเมน ด้วยเครื่องยนต์แค่ 2 สูบจึงทำให้ตัวรถไม่ดูหนาเทอะทะทำให้คนที่เริ่มหันมาเล่นบิ๊กไบค์ขนาดนี้ควบคุมรถได้ไม่ยาก