แม้ว่าตลาดรถกระบะ 1 ตันเบอร์ 1 จะเป็นเมืองไทยแต่โอกาสที่ได้รถที่ถูกจริตคนไทยมีไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่แล้วจะถูกยัดเยียดให้ใช้มากกว่า นั่นคือสิ่งที่ทำให้ Toyota Hilux Revo ไปไม่ถึงฝั่งฝันเหมือนกับความสำเร็จที่ Vigo ทำได้
เหตุที่ Vigo ประสบความสำเร็จเพราะคนไทยมีส่วนร่วมในการออกแบบเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะพี่ซ้ง ทรงชัยที่ดูแลตลาดรถกระบะของ Toyota ในตอนนั้นบอกว่ากว่าจะขอได้แต่ละอย่างก็หืดขึ้นคอ แต่พอออกมาแล้วก็หายเหนื่อยเพราะ 10 กว่าปีที่Vigoอยู่ในตลาดนั้นมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก
นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Revo ถูกปรับเปลี่ยนให้ถูกจริตคนไทยมากขึ้น โดยคนไทยมีส่วนร่วมในการออกแบบไม่ใช่มาจากวิศวกรญี่ปุ่นเพียงฝ่ายเดียว เห็นได้จากการแต่งตั้งดร.จุฬชาติ จงอยู่สุขเป็นหัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาคของบริษัทโตโยต้ าไดฮัทสุเอ็นจิเนียริ่งแอนด์แมนูแฟคเจอริ่งจำกัดเป็นผู้ออกแบบและพัฒนา Hilux Revo ใหม่
ทำให้การปรับเปลี่ยนแบบ Minor Change ที่เรียกว่าปรับเล็กของ Toyota Hilux Revoใหม่นั้นมีเยอะมาก แมจะใช้ตัวถังที่เก่าอยู่ แต่ในส่วนที่ต้องใช้กันทุกๆวันนั้นถูกปรับเปลี่ยนจนแตกต่างไปจากที่เก่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่างในรุ่นรีโว่ ร็อคโค่ ซึ่งเป็นรถแต่งออกจากโรงงานนั้นจะได้หน้าตาที่ดุดันตามแบบฉบับกระบะสายลุยโดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินไปแต่งเพิ่มก็ดูดีแล้ว เริ่มกันตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่โปร่งจนมองเห็นอินเตอร์คูลเลอร์ได้อย่างชัดเจน
ความแตกต่างของรุ่น 2.4 และ 2.8 ในรีโว่เก่านั้นแทบจะแยกไม่ออก มันแทบจะทับซ้อนกันเลย แต่พอเป็นเครื่องยนต์ 2.8 ที่วางอยู่ในรีโว่ใหม่นั้นกำลังเพิ่มขึ้นเยอะ เป็นผลมาจากการปรับในส่วนของเครื่องยนต์ที่ไม่เกี่ยวกับกล่องควบคุม โดยเคลือบ Diamond-Like ไว้ที่แหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทานทำให้ได้ความประหยัดมากขึ้น
มีการปรับเปลี่ยนเทอร์โบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วใช้ตลับลูกปืนในแกนเทอร์โบแทนที่จะเป็นบูชแบบเก่าก็เพื่อลดแรงเสียดทานในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อทำให้กำลังเครื่องยนต์ดีขึ้น ใช้หัวฉีดน้ำมันอัจฉริยะไอ-อาร์ตเพื่อควบคุมการจ่ายน้ำมันในแต่ละหัวฉีดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำกัดว่าจะฉีดกี่ครั้งแต่จะฉีดให้เหมาะสมกับความต้องการของเครื่องยนต์ที่ต้องการในตอนนั้น ทำให้ได้ความประหยัดสวนทางกับคำว่าเครื่องแรงแต่กินน้ำมัน
เมื่อเครื่องยนต์ถูกปรับใหม่กำลังก็เพิ่มขึ้นจาก 177 แรงม้ามาเป็น 204 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจากเดิม 450 นิวตันเมตรก็ขยับขึ้นเป็น 500 ตันเมตรที่ 1,600 -2,800 รอบต่อนาที พอกดคันเร่งจะเห็นได้ถึงความแรงที่แตกต่างไปจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการปรับลดรอบเดินเบาให้ต่ำลงเพื่อจะได้ลุยได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ระบบส่งกำลังที่เกียร์ 3ไป4 จะล็อคอัพให้เร็วขึ้นในรอบที่ต่ำลงจาก 1800 เป็น 1600 รอบต่อนาที ที่จะช่วยตอบสนองต่อการเร่งแซงได้เร็วขึ้นและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าเครื่องแรงแต่งช่วงล่างไม่รองรับก็เปล่าประโยชน์ดังนั้นรถแต่งที่ชอบถอดแหนบออกจาก 5 แผ่นเหลือ 3 แผ่น เพื่อความนุ่มนวลรีโว่ใหม่ตัวถังสูงก็เป็นแบบนั้น โดยใช้แหนบแผ่นกลางทำจากเหล็กHigh Tensileที่มีน้ำหนักเบาลงแต่แข็งแรงมากขึ้นจึงต่างจากการถอดแหนบของรถทั่วๆไป เพราะถึงจะเหลือแหนบแค่ 3 แผ่นก็ยังสามารถรองรับน้ำหนักการบรรทุกได้เท่าเดิมอีกทั้งยังมีการปรับเซ็ตไส้ในของโช๊คอัพเพื่อให้หนึบขึ้น พวกชิ้นส่วนต่างๆของช่วงล่างก็มีการปรับคุณสมบัติการดูดซับและรูปทรงของชิ้นส่วนเพื่อลดแรงเสียดทานในส่วนต่างๆเพื่อให้ได้ความนุ่มนวลและหนึบมากขึ้น
อีกจุดหนึ่งที่ได้สัมผัสแล้วชอบก็คือพวงมาลัยที่มีเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบ VFC (variable Flow Control) ซึ่งจะทำการปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะกับความเร็ว ในช่วงความเร็วต่ำไม่ได้รู้สึกเบาหวิวจนเกินไปซึ่งจะทำให้ขาดความมั่นใจ แต่จะรู้สึกถึงความหนึบแน่นเวลาหักเลี้ยว ส่วนความเร็วสูงก็จะหนักมือมากขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการควบคุมรถ
ภายในรถก็มีการปรับปรุงด้วยเช่นกันอย่างมาตรวัดความเร็วถูกออกแบบใหม่ ตรงกลางของมาตรวัดของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีรูปแสดงองศาของล้อซึ่งจะช่วยได้มากเวลาลุย จะได้รู้ตำแหน่งของล้อว่าไปในทิศทางไหน
และในรุ่นรีโว่ ร็อคโค่ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4ล้อ รุ่นนี้มีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยสีเงินแบบแฮร์ไลน์และโครเมียมรมดำพร้อมไฟตกแต่งบริเวณข้างประตูเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่าง
พอมีการปรับช่วงล่างเห็นได้ชัดเลยว่าเบาะนั่งในห้องโดยสารให้ความรู้สึกถึงความนุ่มนวลมากขึ้น เวลาเจอถนนที่มีพื้นผิวขรุขระแรงกระแทกจะส่งถึงห้องโดยสารน้อยลง การเข้าโค้งก็รู้สึกสบายขึ้นโดยเฉพาะรุ่น 4 ประตูจะให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งรถ SUV มากกว่าจะเป็นรถกระบะแบบเก่า