ซีรี่ส์ 3 ส่วนใหญ่ที่เราเห็นๆกันจะเป็นตัวซีดานถือเป็นความนิยมที่มีมาอย่างต่อเนื่อง แต่พอเวลาขายต่อพวกรถคูเป้กลับได้ราคาสูงกว่าและได้รับความนิยมมากกว่า อย่างตัว E 30 หากเป็นรถคูเป้ปล่อยออกมาเมื่อไหร่จะมีคนรีบคว้าไปครองทันที ในตัวเปิดประทุนนั้นจะค่อนข้างหายากกว่าคูเป้ เพราะอากาศในเมืองไทยนั้นไม่รองรับให้ขับรถเปิดหลังคากินลมชมวิวได้ทั้งวัน กว่าจะหาอากาศดีๆปีหนึ่งก็มีแค่ไม่กี่วัน แต่ก็มีบางคนชอบรถสไตล์นี้พอมีมาขายก็รีบคว้ามาครอง
สำหรับตัวเปิดประทุนของ BMW จะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการกับตัว E 30 สมัยยนตรกิจยังขาย BMWอยู่ ซึ่งช่วงนั้นสามารถนำตัว 2 ประตูมาประกอบได้ ทำให้ราคาไม่สูงเหมือนกับการนำเขามาขายแต่เนื่องจากยอดขายรถประเภทนี้มีน้อยจะขึ้นไลน์ประกอบก็ไม่คุ้ม พอจะนำเข้ากลับต้องเจอภาษี 617 % จึงต้องม้วนเสื่อกลับ ทำให้เห็นรถเปิดประทุนมีน้อยมากในบ้านเรา ยิ่งเป็นปี 1992 ที่มีรุ่น E 36 ออกมาขาย ช่วงนั้นพวกรถ 2 ประตูก็ห่างหายไปอีก จากต้นทุนที่สูงจึงไม่อาจจะประกอบพวกรถ 2 ประตูได้ รถที่เป็นพวกคูเป้ในยุคนั้น จึงเป็นพวกรถนำเข้ามาขายแทนที่จะประกอบในประเทศต่อเนื่องไปถึงรุ่น E 46 ด้วย
รุ่นเปิดประทุนโฉมนี้คือ E 93 เป็นการพัฒนาต่อมาจาก E 92 ที่เปิดตัวกันตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งตัว E 93 นั้นเปิดตัวครั้งแรกช่วงต้นปี 2007 อันเป็นรุ่นที่ 4 หลังจากออก E 30 มาและก็มีการปรับเปลี่ยนมาใช้หลังคาแข็งที่ทนทานกว่าแบบผ้าใบเยอะ หน้าตาเมื่อไม่เปิดหลังคาก็คือตัวคูเป้ดีๆนี่เอง เพียงแต่จะเห็นรอยต่อของหลังคาต่างไปจากคูเป้ที่ปิดเรียบสนิทไม่มีร่องรอยให้เห็น อีกทั้งสีสันของเบาะนั่งก็สดใสกว่าในสไตล์รถแรง
หลายคนอาจจะกังวลในเรื่องความแข็งแรงเพราะรถเปิดประทุนนั้นจะไม่มีโครงหลังคามายึดตัวถังไม่ให้บิดตัว ความแข็งแรงหลักๆจะอยู่ตรงพื้นรถที่เป็นตัวรับการบิดตัวของรถ เรื่องเหล่านี้ไม่น่ากังวลมากจากการเชื่อมชิ้นโลหะเข้าด้วยกันและมีการเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างของห้องโดยสารที่เพิ่มความปลอดภัยได้เป็นอย่างดีและในตัวเปิดประทุนจะมีตัวถังยาวกว่าตัวคูเป้ 8 มม. แต่น้ำหนักกมากกว่าตัวคูเป้ถึง 235 กก.
โครงสร้างพื้นฐานของตัวเปิดประทุนจะใช้ของคูเป้ แต่จะมีหลังคาแข็งที่แยกออกเป็น 3 ชิ้นสำหรับพับเก็บด้วยไฟฟ้าหรือ Retractable Hard – Top จะมีความแตกต่างในส่วนของเบาะนั่งที่หนากว่า ก็รถรุ่นนี้เน้นเรื่องความสะดวกสบายมากกว่าจะไปเน้นเรื่องของความเร็วอยู่แล้ว ใช้งานทั่วๆไปก็เหมือนรถคูเป้ได้ความลู่ลม ยามใดอยากได้อากาศข้างนอกมาพัดผ่านศีรษะก็ทำการเปิดหลังคาเก็บไว้ใต้ฝากระโปรงหลัง แค่นี้ก็ได้หลังคาเปิดโล่งไม่มีอะไรมาบดบังทัศนะวิสัยแล้ว
เทคโนโลยีที่นำมาใช้สำหรับเปิดหลังคานั้น ทางวิศวกรเขาทำการบ้านมาเป็นอย่างดีด้วยการออกแบบให้มีการแยกส่วนออกเป็น 3 ชิ้น คือ หลังคาตอนหน้า ตอนหลัง แล้วก็กระจกหลัง เวลาเปิดกระจกหลังจะยกขึ้นพร้อมกับหลังคาส่วนหน้าจะยกขึ้นเช่นกัน เพื่อถอยไปวางบนหลังคาส่วนหลังแล้วจึงนำกระจกหลังมาปิดทับ การทำแบบนี้จะลดความกว้างของพื้นที่เก็บได้ ก่อนจะนำไปพับเก็บไว้ในห้องเก็บของที่มีแผ่นรองหลังคาติดตั้งเอาไว้สำหรับป้องกันความเสียหายจากการโยกของตัวรถ เมื่อขับช่วงเปิดหลังคาเสียงดังจากข้างนอกรบกวนน้อยมากโดยเฉพาะกระแสลมที่หมุนแล้วเกิดเสียงดังก็ได้ยินน้อย ยิ่งเป็นตอนปิดหลังคาลงมาเสียงดังก็ไม่ต่างไปจากรถซีดานทั่วๆไป เสียงที่เงียบเป็นเพราะการออกแบบที่ดีมีความประณีตในการประกอบ มีการเลือกวัสดุที่ดีมาใช้ พร้อมการซีลตรงช่วงรอยต่อต่างๆที่ช่วยเพิ่มความเงียบได้ดีขึ้น การเปิด-ปิดหลังคาก็จะใช้เวลาครึ่งนาทีจากการกดปุ่มค้างไว้
325 iเปิดประทุนจะสบายกว่าในการนั่งกับเบาะที่หนาและติดตั้งตัวล็อคสายเข็มขัดติดไว้กับเบาะ ซึ่งเบาะนั่งสีน้ำตาลจะมีปีกที่กว้างไม่ถึงกับบีบลำตัววทำให้นั่งแล้วไม่อึดอัด การพับพนักพิงเพื่อให้เข้าไปนั่งตรงเบาะหลังก็ใช้ก้านดึงตรงข้างพนักพิงจึงเข้าออกได้อย่างสะดวก
เบาะหลังจะรองรับแค่ 2 คน จากการติดตั้งแผงคอนโซลคั่นกลางเอาไว้และมีพื้นที่วางขาแบบจำกัด เบาะนั่งจะใช้เทคโนโลยี Sun Reflective ซึ่งจะสะท้อนแสงอาทิตย์และรังสีอินฟาเรด รวมถึงลดการสะสมความร้อนบนพื้นผิวดีกว่าเบาะรถทั่วๆไป
เครื่องยนต์ที่วางไว้ในรถคันนี้ จะเป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบวางตามยาว ความจุ 2497 ซีซี ที่มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC และ DOUBLE –VANOS สำหรับควบคุมเวลาการเปิด-ปิดวาล์วทั้งไอดีและไอเสียให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 2,750 – 4,000 รอบต่อนาที
ถึงจะมีพื้นฐานเดียวกับตัวคูเป้ แต่อย่าไปคิดว่าจะแรงพอกัน เพราะน้ำหนักที่ต่างกันอีกทั้งรูปแบบของตัวรถต่างกัน ตัวเปิดประทุนจึงได้อัตราเร่งแบบนุ่มๆ ไม่ร้อนแรงเหมือนตัวคูเป้ แม้ว่าจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเหมือนกัน โดยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาไป 8.4 วินาที ต่างจากตัวคูเป้ 0.8 วินาที
ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 240 กม./ชม. ช้ากว่าคูเป้ 5 กม. /ชม. รอบเครื่องยนต์ที่ใช้ 100 กม./ชม. อยู่ที่ 2,150 รอบต่อนาที เป็นรถที่ออกตัวช้า แต่จะดีขึ้นในช่วงกลางไปจนถึงปลาย หากอยากได้อัตราเร่งดีขึ้นก็ใช้การโยกคันเกียร์เอาก็จะช่วยได้บ้าง นอกจากเครื่องยนต์ได้อัตราเร่งแบบเนิบๆในช่วงออกตัวแล้ว ช่วงล่างของรถรุ่นนี้ก็จะนุ่มที่สุดในบรรดา 325 iด้วยกัน เป็นช่วงล่างนุ่มๆ นั่งสบายซึ่งจะต่างกับตัวคูเป้ที่จะแข็งกว่ากันเยอะ