หลังคว้าแชมป์จากการแข่งขัน Wimbledon เมื่อปี 2018 Angelique Kerber ปอร์เช่ Brand Ambassador หรือนักเทนนิสมืออาชีพจากประเทศเยอรมนี กลับมาเติมเต็มความฝันบนเส้นทางนักเทนนิสมืออาชีพของเธออีกครั้งในการแข่งขันเทนนิส Wimbledon ทัวร์นาเมนต์ลูกสักหลาดอันโด่งดังที่สุดของโลก ได้เปิดศึกขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา ทำให้ได้ย้อนรำลึกกลับไปถึงเหตุการณ์ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฐานะนักกีฬาเทนนิสมืออาชีพของเธอและเธอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันเทนนิสที่จัดขึ้นในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ของลอนดอน โดยในการพูดคุยกับทีมงาน Porsche Newsroom เธอได้บรรยายถึงสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครเอาไว้ได้อย่างลึกซึ้ง
Angelique Kerber เผยว่า เธอหลงใหลการแข่งขันเทนนิสสุดคลาสสิกมากๆ และหมายเลข 13 เป็นตัวเลขนำโชค โดยในฤดูกาลนี้นับเป็นการปรากฏตัวครั้งที่ 13 ของเธอในการแข่งขัน Wimbledon นับตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์แรกคือรายการ Grand Slam ของสมาคม All England Lawn Tennis and Croquet Club ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2007 หลายสิ่งหลายอย่างถูกเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุผลของกาลเวลา แต่ยังให้ความรู้สึกถึงความทันสมัยและเป็นธุรกิจมากขึ้น เสน่ห์ของความเก่าแก่รวมทั้งคุณค่าของความดั้งเดิมยังคงไม่สูญหายไป เธอรู้สึกมีความสุขมากที่ทุกอย่างเป็นไปในแนวทางดังกล่าว ในฐานะที่เธอไม่ได้เป็นนักกีฬายอดนิยมเพียงคนเดียวในปีนี้ เธอจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับแรงกดดันทั้งหมดไว้ เธอกล่าวถึงความต้องการที่จะบันทึกความทรงจำไว้ว่า “ฉันกำลังจะได้หวนกลับไปยังช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์อีกครั้งเหมือนเมื่อปี 2018 และฉันจะทุ่มเทพลังทั้งหมดในการแข่งขันเทนนิสให้ดีที่สุดโดยไม่คิดถึงเรื่องอื่น”
ในฐานะที่เป็นนักเทนนิสหญิงระดับแถวหน้ามักจะถูกถามอยู่บ่อยๆ ว่าอะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้เธอยืนหยัดอยู่บนระดับหัวแถวของบรรดาผู้เล่นต่อไปได้ หลังจากที่ความฝันในการเป็นนักกีฬาอาชีพถูกเติมเต็มด้วยชัยชนะเหนือคู่แข่งอย่าง Serena Williams เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคม 2018 เธอให้คำตอบว่า “ฉันรู้สึกมีความสุขอย่างเหลือเชื่อราวกับได้ขึ้นสวรรค์เมื่อได้ชูถ้วยรางวัลในมือ” เมื่อครั้งที่ยังเด็กฉันตั้งเป้าหมายว่าต้องการเอาชนะที่ Wimbledon เพื่อจะได้เป็นตำนานที่ถูกพูดถึงแบบไม่รู้จบ หลังจาก 2 สัปดาห์แห่งความเหนื่อยยาก สุดท้ายแล้วก็มีโอกาสได้ก้าวไปถึงชัยชนะเช่นเดียวกับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งสิ่งนั้นคือ “ช่วงเวลาอันเป็นนิรันด์ที่เต็มไปด้วยความสุขและความภูมิใจ”