เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้มีโอกาสนำยางมิชลินที่ใช้ได้ทั้งทางฝุ่นและทางเรียบอย่าง MICHELIN LTX Trailซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้เคยลองยางในตระกูล LTX ในรุ่น LTX Force มาแล้ว โดยยาง Michelin LTX Trail สามารถใช้ได้ทั้งรถ SUV/PPV หรือ Pick Up ยกสูงที่ไมได้เน้นการลุยแบบโหดๆ
โดยยาง MICHELIN LTX Trail จะเป็นยางที่เน้นใช้งานแบบทางเรียบและลุยทางฝุ่นแบบทางลูกรังได้ ด้วยบล็อกดอกยางคู่ ที่เรียกว่า Duo-Harmony ซึ่งจะมีรูปทรงที่ต่างกัน ช่วยกระจายคลื่นความถี่เสียงให้กว้างขึ้น ลดเรื่องเสียงรบกวน
เนื้อยางได้พัฒนาสูตรเนื้อยาง RallyForce2 Tread Compound ที่ถ่ายทอดจากการแข่งขัน WRC ทำให้ยางมีความทนทานเป็นพิเศษช่วยลดความเสียหายจากการขับขี่ในสภาพถนนแบบ Off-Road ยางจึงมีอายุการใช้งานยาวนาน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งชั้นนำในตลาด ยางรุ่นนี้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าถึง 41% ในเรื่องความแข็งแกร่งและทนทานนั้นหายห่วงเพราะได้รับการถ่ายทอดจากสนามแข่งแรลลี่ระดับโลกมาแล้วโดยได้รับการรับรองผลจาก บริษัท TUV ไรน์แลนด์ ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการทดสอบและตรวจสอบระดับโลก
MICHELIN LTX Trail ไหล่ยางแบบเปิด (Biting Shoulder) ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะและจิกตะกุยบนเส้นทางออฟโรดรวมทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนทางเปียกด้วย MICHELIN LTX Trail ยังมีระยะเบรกที่สั้นกว่ายางชั้นนำคู่แข่งบนถนนเปียก 3.1 ม. ในกรณียางใหม่ และสั้นกว่า 4.6 ม. ในกรณียางใกล้หมดดอกขณะที่การเบรกบนถนนแห้ง จะสั้นกว่าคู่แข่งชั้นนำ 3.8 ม. ในกรณียางใหม่โดยตัวเลขเคลมนี้ก็ได้รับการรับรองจากทาง TUV ไรน์แลนด์ เช่นกัน
แถบเนื้อยางระหว่างร่องบล็อกดอกยางที่มิชลิน เรียกว่า Variable Thickness Sipes จะช่วยยึดบล็อกดอกยางไม่ให้ล้มตัว เมื่อรับแรงกระทำเวลาเบรก จึงไม่สูญเสียพื้นที่หน้าสัมผัส ส่งผลให้ยางมีสมรรถนะในการยึดเกาะที่ดีกว่าและเบรกสั้นกว่า แม้ยางจะใกล้หมดดอก
จากยางที่มีลักษณะดอกออกมาทางเทรลนั้นจะมีช่องว่างของร่องดอกยางน้อยกว่า LTX Forceทำให้เวลาวิ่งบนถนนคอนกรีตที่มีรอยต่อเป็นระยะๆ เสียงที่มีเข้ามาในห้องโดยสารจะเงียบกว่า และให้การเกาะถนนได้หนึบกว่าด้วย เมื่อลองสาดโค้งเข้าไปก็ทำได้เร็วกว่าที่คนปกติเข้ากัน แม้ยางจะออกแบบมาแบบ กึ่ง On/Off Road แต่ เรื่อง Traction ของหน้ายาง ยังดูดี ส่วนหนึ่งก็จากร่อง Sibes ที่ทนต่อแรงกระทำ จึงทำหน้าหน้าสัมผัสยังจับได้เต็มดีอยู่ไม่มีเสียงกรีดร้องแบบน่ารำคาญ ออกมาให้เห็น สิ่งที่พบจะเป็นอาการโคลงตัวของตัวรถสไตล์รถยกสูงมากกว่า
ขณะที่ระยะเบรกของรถ Pick Up ยกสูงอาจจะต้งระวังหน่อย เพราะตัวที่สูงกว่ารถทั่วๆไป เวลาเบรกแล้วจะมีอาการไถล หยุดรถไม่ค่อยอยู่ แต่กับรถที่ใส่ยาง LTX Trail อาจจะให้ความรู้สึกแบบนั้นอยู่ แต่ให้ความรู้สึกว่าเบรกแล้วหยุดได้ทันใจกว่า นอกจากนี้ ร่องดอกยาง Variable Thickness Sipes ทางมิชลิน ยังเคลมว่าช่วยให้เบรกหยุดรถได้ดี แม้ยางจะใกล้หมดดอกแล้วก็ตาม
สำหรับการใช้งานในทาง Off-Road ซึ่งยางตัวนี้จะเน้นการลุย Off-Road แบบลูกรังให้ได้สัมผัสฝุ่นบนถนนที่ยังไม่ได้เทคอนกรีตหรือลาดยาง จากที่ได้ลองใส่ดูพบว่าสามารถลุยผ่านได้ คือ อาการลื่นไถล มีออกมาน้อย จึงทำให้การคอนโทรลรถควบคุมได้ง่ายจากใช้เทคโนโลยีจากการแข่งขัน WRC ทำให้เราสามารถขับใส่ได้เต็มที่ ทนทานต่อการสึกหรอ และการบาดตำ ในทุกสภาพพื้นผิว รวมถึงโครงสร้างไหล่ยางแบบเปิด ที่ร่องลงมาลึก ทำให้จิกเกาะพื้นผิวได้ดี
ส่วนสมรรถนะในการขับบนทางเปียกก็ยังเกาะถนนได้ดี ร่องยางที่เยอะทำให้สามารถรีดน้ำไดอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่เท่ากับถนนแห้งๆแต่ก็ไว้ใจได้ พบว่ารถยังเบรกหยุดชะลอได้ดีกว่าที่คิด เวลาขับขี่ อาการเหินน้ำมีน้อยยังให้การคอนโทรลได้ดีอยู่ ซึ่งMICHELIN LTX Trail เป็นยางอเนกประสงค์สำหรับรถกระบะยกสูง รถเอสยูวี และ PPV ใช้งานได้ดีทั้งทางเรียบและทางลุย ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน มีให้เลือกทั้งสิ้นมากถึง 10 ขนาด ราคาเริ่มต้นเส้นละ 4,950-5,990 บาทถือว่าเป็นยางที่ตอบโจทย์ได้กับการใช้งานทั้งทางเรียบและทางฝุ่น