มินิ ประเทศไทย เหยียบคันเร่งเต็มสปีดเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ลุยเปิดตัวมินิใหม่ล่าสุด ในเจเนอเรชันที่ 5 แบบครบเครื่องทั้งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีไซน์สไตล์มินิมอลที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ตอบโจทย์นักขับทุกสไตล์ ทั้งยังต่อยอดพันธกิจของแบรนด์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดยนตรกรรมไฟฟ้าแบบเต็มตัวภายในปี 2030 นำทัพโดย มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ พลิกประวัติศาสตร์ของความสนุกบนท้องถนนกว่า 60 ปี พร้อมโลดแล่นสร้างสีสันอีกครั้งในรูปโฉมใหม่ที่ขับสนุกไม่แพ้กันนอกจาก มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ในรุ่น 3 ประตูแล้ว มินิยังเปิดตัวอีก 2 รุ่นในตระกูลคันทรีแมนที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติเอาใจสายแอดเวนเจอร์ กับมินิ คันทรีแมน เอสอี ใหม่ ในระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% เป็นครั้งแรก พร้อมด้วย มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน โฉมใหม่ล่าสุดของครอสโอเวอร์ตัวแรงสำหรับสายสปอร์ตผจญภัยที่แฟน ๆ มินิชื่นชอบและมินิ ประเทศไทย ยังได้เผยโฉม มินิ เอซแมน เอสอี ใหม่ สู่แฟน ๆ ชาวไทยเป็นครั้งแรก กับสมาชิกใหม่ของ
แบรนด์มินิในรูปแบบคอมแพกต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผสมผสานความรู้สึกการขับขี่แบบ “Go-Kart feeling” ในสไตล์มินิ เข้ากับความคล่องตัวแบบสารพัดประโยชน์ โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การดีไซน์ที่แปลกใหม่จากทุกมุมมอง
คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “หลังจากที่แฟน ๆ รอคอยกันมาพักใหญ่ วันนี้เราตื่นเต้นมากที่ได้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของมินิกลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งรุ่นก่อนหน้าก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในไทยจนขายหมดไปเมื่อปี 2566 ในครั้งนี้ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ได้กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชันที่ 5 และจะมาปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าของไทยด้วยดีไซน์มินิมอลสุดล้ำ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่ยังคงความสนุก เร้าใจด้วยสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิเอาไว้อย่างครบถ้วน รถยนต์เจเนอเรชันใหม่ของมินิทุกรุ่น นับเป็นการผสมผสานงานออกแบบและความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ เพื่อมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมและยั่งยืนให้กับทั้งแฟน ๆ ที่ติดตามมินิมาอย่างยาวนาน รวมถึงลูกค้าใหม่ที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่โลกของมินิเป็นครั้งแรก ซึ่งมินิเจเนอเรชันใหม่ยังไม่ละทิ้งคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของแบรนด์พร้อมทั้งยังส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับตัวรถ ผ่านทางนวัตกรรมดิจิทัลต่าง ๆ มากมายให้แก่ผู้ขับขี่ทั้งขณะที่ใช้งานในตัวรถ และเมื่อต้องการสื่อสารกับตัวรถขณะอยู่นอกห้องโดยสารอีกด้วย”