ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชน (TAIA Meets the Press) ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA), สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA และบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 คาดการณ์แนวโน้มภาคผลิตยานยนต์ปี พ.ศ. 2567 ทะลุ 1.9 ล้านคัน เติบโตต่อเนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ ส่วนยอดขายในประเทศอาจไม่เติบโต เหตุจากหนี้ภาคครัวเรือน และยอด NPL รถยนต์ยังสูง ส่งผลประมาณการยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะอยู่ที่ 7.5 แสนคัน
นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผยว่า ในปี พ.ศ. 2567 คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.9 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 3.17% โดยแบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 7.5 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1.15 ล้านคัน และสำหรับรถจักรยานยนต์คาดการณ์จะมีการผลิตที่ 2.12 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 0.03%ปัจจัยส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ปี 2567 หลักคือ ภาวะทางเศรษฐกิจ ภาระหนี้สินภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและหนี้เสีย NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่ออำนาจซื้อของประชาชนที่ลดลง นโยบายและกฎระเบียบด้านยานยนต์ การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ทั้งรถยนต์และน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคารถยนต์และน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า (EV :Electric Vehicle) ในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจดทะเบียนรวมปัจจุบันอยู่ประมาณ 1.0 – 1.2 แสนคัน และส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง จากการตระหนักถึงความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อนโดยการใช้รถไฟฟ้าจากประชาชนชาวไทย รวมถึงมาตรการการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐอย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ยอดขายรถ EV มีอัตราการเติบโตแบบชะลอตัว ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการตัดสินใจชะลอซื้อรถรุ่นใหม่ เพราะการทยอยเข้ามาของรถ EV รุ่นใหม่ แบรนด์ใหม่ๆ จากประเทศจีน และการทำสงครามราคาของ EV ด้วยกันเอง