เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2552 หรือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว พิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ (Porsche Museum) ได้เริ่มเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกเป็นครั้งแรก จนถึงปัจจุบันมีคนจำนวนถึง 5,824,325 คน ที่ได้เดินทางเข้ามาชมเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์และการพัฒนาเติบโตของแบรนด์ปอร์เช่อันน่าทึ่งนี้ ตัวเลขนี้ได้รวมถึงแขกผู้มีชื่อเสียงอย่าง ปารีส ฮิลตัน (Paris Hilton), แบคสตรีทบอยส์ (Backstreet Boys), วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ (Vladimir Klitschko), อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger), มาริโอ บาร์ธ (Mario Barth), แพทริค เดมป์ซีย์ (Patrick Dempsey), เอซี/ดีซี (AC/DC), ปีเตอร์ มัฟเฟย์ (Peter Maffay), อูโด ลินเดนเบิร์ก (Udo Lindenberg) และ จอร์จ แฮคเคิล (Georg Hackl) ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ได้ทำลายสถิติจำนวนผู้เข้าชมสูงสุด จากเดิมในปี 2552 ซึ่งเป็นปีที่เปิดทำการที่ได้ต้อนรับแขกมากถึง 511,513 คน ในขณะที่ในปี 2566 มีจำนวนแขกเข้าเยี่ยมชมเพิ่มขึ้นถึง 535,613 คน
อาคิม สเตจสคาล (Achim Stejskal) ผู้บริหารปอร์เช่ เฮอริเทจและพิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ กล่าวว่า “เราอยากจะขอบคุณแฟนๆ และผู้ที่ความสนใจทุกๆ คน ที่ทำให้ให้ปีที่แล้วเป็นปีที่พิเศษสำหรับเรา และเนื่องด้วยวาระครบรอบ 75 ปีของแบรนด์ปอร์เช่ (Porsche Sports Cars) ทำให้มีจำนวนผู้เข้าชมใน ซุฟเฟนเฮาเซ่น (Zuffenhausen) สูงกว่าปีก่อนถึง 54 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงในส่วนขององค์ประกอบเทคนิคต่างๆ และการนำเสนอที่ล้ำสมัย ที่เรามี ส่งผลให้การได้เข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับแขกทุกวัยอีกด้วย จากความร่วมมือของเขาและทีมงาน ที่ช่วยกันถ่ายทอดความหลงใหลในประสิทธิภาพและการออกแบบของแบรนด์ ประกอบกับเรื่องราวต่างๆ ในอดีตจนไปถึงเส้นทางแห่งการเดินทางสู่อนาคต พิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดแสดงรถประวัติศาสตร์และบันทึกประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ให้ความสำคัญทางวัฒนธรรมและมรดกของแบรนด์ ที่ถ่ายทอดผ่านนิทรรศการพิเศษในรูปแบบต่างๆ อยู่เป็นประจำ วาระแห่งการ ครบรอบ 15 ปีของพิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ ยังถือเป็นการแสดงความเคารพต่อประวัติศาสตร์ นวัตกรรม และความหลงใหลต่อแบรนด์ พิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของการอนุรักษ์คุณค่าที่ระลึกถึงเรื่องราวในอดีต และมุ่งเสริมสร้างจิตวิญญาณของแบรนด์เพื่อคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่จะยังคงถูกเขียนต่อไปในอนาคต”