วีโร่ (Vero) บริษัทที่ปรึกษาผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ วีบริดจ์ (WeBridge) บริษัทจัดการการตลาดแบบบูรณาการจากประเทศจีน เผยบทวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการสนทนาของผู้บริโภคเกี่ยวกับแบรนด์รถยนต์ของจีน การศึกษานี้มีชื่อว่า “ถนนสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: การศึกษาการรับรู้ของผู้บริโภคและโอกาสทางการตลาดสำหรับแบรนด์ยานยนต์จีน (The Road to Southeast Asia: A Study of Consumer Perceptions and Market Opportunities for Chinese Automotive Brands)” โดยการศึกษานี้ เจาะลึกเกี่ยวกับทิศทางตลาดยานยนต์อย่างละเอียดของประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์
ผลการศึกษาพบว่า 72% ของผู้บริโภคชาวไทยมีทัศนคติเชิงบวกต่อรถยนต์สัญชาติจีน โดยเฉพาะด้านราคาที่สามารถเข้าถึงได้ คุณสมบัติด้านเทคโนโลยี และการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและทันสมัย ซึ่งดึงดูดผู้บริโภคชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและกำลังมองหาตัวเลือกที่เป็นมิตรกับงบประมาณ โดยไม่กระทบต่อฟังก์ชันการทำงาน ฟีเจอร์อัจฉริยะ และความมีสไตล์ ความต้องการเหล่านี้ สอดคล้องกับความสนใจที่หลายหลากมากขึ้นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อสินค้าจีน การศึกษาพบว่ามุมมองเชิงบวกของแบรนด์จีนมีสาเหตุหลายประการ โดยเชื่อมโยงกับการบูรณาการช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (41%) ความสามารถในการซื้อสินค้าและบริการโดยรวม (31%) คำแนะนำและการวิจารณ์เชิงบวก (12%) ฟังก์ชันการทำงานและการออกแบบ (12%) และภาษีการขนส่งและนำเข้าที่ถูกกว่า (7%)
ทั้งนี้ วีโร่ และวีบริดจ์ ยังได้จำกัดปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อรถยนต์ของชาวไทยให้แคบลง เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยมากขึ้น โดยผลการวิจัยระบุว่า 43% ของคนไทยมองว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์เป็นความชอบส่วนตัวและเป็นหนึ่งในทางเลือกของการใช้ชีวิต อีก 27% ให้ความสำคัญกับการประหยัดน้ำมัน 19% ให้ความสำคัญกับคุณภาพด้านการออกแบบ 11% ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ และอีก 8% มองว่าเป็นหนทางในการยกระดับสถานะทางสังคม
ในขณะเดียวกัน การศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายบางประการสำหรับแบรนด์ยานยนต์สัญชาติจีนเนื่องจากงานศึกษายังพบว่า มีปัจจัยด้านอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับความกังวลที่ผู้บริโภคชาวไทยเผชิญเมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์ โดย 26% คือความซับซ้อนของสินเชื่อรถยนต์ และ 15% เป็นเรื่องของภาระค่าใช้จ่ายที่สูงของประกันภัยรถยนต์ รวมไปถึงอีก 8% ที่ยังคงเป็นข้อกังวลสำคัญมากเช่นกันในบทสนทนา คือเรื่องค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมที่มีราคาแพง