ครบรอบ 5 ปี ความสำเร็จโครงการ “ไทยเด็ด” โครงการเติมเต็มคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคมที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งเป้าการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน สร้างรายได้ ดำเนินโครงการผ่านการคัดเลือกสินค้าดี สินค้าเด็ดจากชุมชน ที่ได้รับการคัดสรรร่วมกับพันธมิตรแล้วว่าเป็น “สินค้าดี สินค้าเด็ด สินค้าอัตลักษณ์ประจำถิ่น” มาจำหน่ายที่ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีร้านไทยเด็ดเปิดให้บริการทั้งสิ้นกว่า 300 สาขา
ภายใต้สโลแกน “ไทยเด็ด พื้นที่ของเด็ด ของคนไทย” จัดสรรสินค้าคุณภาพดี มีชื่อเสียง และเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่โดดเด่นเฉพาะพื้นที่มาร่วมให้บริการในร้าน “ไทยเด็ด” โดดแบ่งสินค้าเป็น 4 หมวด ได้แก่ อาหาร, เครื่องดื่ม, ของใช้, เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ รวมทั้งสิ้นกว่า 700 รายการ และหนึ่งในนั้นได้รับการคัดสรรให้เป็นสินค้าไทยเด็ด Select อีก 15 รายการ ได้แก่ ผัดไทภูเขาไฟ, กระเทียมดำ, กระจูด, ข้าวแตนน้ำแตงโม, กล้วยตากไฮโซ, ขนมปั้นขลิบทอด, จักสานผักตบชวา, ผ้าทอย้อมคราม บ้านคำประมง, ถั่วลายเสือ, ข้าวบุญบันดาล, ขนมโบว์อิสตานา, สแน็คบาร์ผลไม้ ไรซ์มี, ผ้าหมักน้ำนมข้าว, ข้าวเกรียบปลาซีรีน และสลิดแซ่บ
คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางในการเติมเต็มทุกความสุขและเติบโตไปพร้อมกับชุมชนอย่างยั่งยืนของสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ การช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านโครงการ “ไทยเด็ด” เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้จึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ล่าสุดโครงการตั้งเป้าขยายพื้นที่การบริการร้านสินค้าไทยเด็ดให้มีให้กว่า 300 สาขา ภายในปี 2566 โดยมุ่งสร้างความหลากหลายด้านสินค้าที่มากขึ้น และสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้สามารถสร้างรายได้ พัฒนาสินค้าในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น สอดคล้องไปกับการกระตุ้น ต่อยอดให้สินค้าไทยเด็ดแต่ละรายการพัฒนาไปสู่ “ไทยเด็ด Select” ที่จะสร้างโอกาสในการเติบโตที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในอนาคต และที่เหนือไปกว่าการคัดสรร และเลือกสินค้ามาร่วมโครงการไทยเด็ดคือ OR มุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพที่ดี ซึ่งส่งผลต่อยอดขายที่จะเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และเพิ่มการจ้างงานในชุมชน รวมไปถึงการมองหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการจัดจำหน่าย และพัฒนาสินค้าในโครงการให้เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศ และภูมิภาคใกล้เคียงต่อไปในอนาคต