ทยอยนำรถมาให้ขับกันอย่างต่อเนื่องสำหรับค่าย Mitsubishi คราวนี้จะมีการนำ Mitsubishi Triton ทั้งตัวขับเคลื่อน 4 ล้อขับเคลื่อนสองล้อแคปแล้วก็ตัว Single Cab มาให้ขับกัน แม้ว่าจะมีอุปสรรคกันบ้างในเรื่องของรถที่จะนำออกมาให้ขับในกรณีพิเศษเพราะรถแต่ละรุ่นยังต้องรอการผลิต แต่ก็ยังมีโอกาสได้ขับกันในสนามปิดซึ่งได้ลองทั้งในสนามแบบออฟโรดและ on Road
เริ่มกันด้วยทางฝุ่นซึ่งแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 ประตูเกียร์อัตโนมัติซึ่งมี Option ของระบบส่งกำลังมาให้เยอะจึงไม่น่ากลัวสำหรับการขับผ่านอุปสรรคที่มีการจำลองเอาไว้ให้ซึ่งในตัว 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อเกียร์อัตโนมัติก็จะได้เครื่องยนต์ใหม่ในรหัส 4N16 มาให้ใช้เป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่ออกแบบมาให้มีแรงบิดในรอบต่ำดีขึ้นทำให้การขับขี่ทำได้ราบเรียบมากขึ้นเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนเทอร์โบแปรผันที่ควบคุมการปรับครีบเทอร์โบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจึงมีความแม่นยำมากกว่าการใช้โซลินอยด์หรือแวคคั่มมาควบคุม
การปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ทำให้มีกำลังสูงกว่า 4D56 นอกจากจะมีแรงบิดสูงขึ้นแล้วแรงบิดที่ให้มายังเป็นแบบแฟลททอร์คที่ให้แรงบิดสูงต่อเนื่องโดยกำลังสูงสุดจะมีมาให้ 184 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2250 ถึง 2500 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์ใหม่มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของหัวฉีดใหม่ด้วยจากเดิม 4.0 มาเป็น 4.5 ด้วยแรงดันที่ 2,000 บาททำให้การฉีดจ่ายน้ำมันด้วยความแม่นยำตัวลูกสูบเองก็มีการออกแบบด้านบนให้มีความโค้งมนเพื่อให้การคลุกเคล้าของน้ำมันกับอากาศทำได้ดีการเผาไหม้ก็ทำได้หมดจดตัวเสื้อสูบจะเป็นอลูมิเนียมอัลลอยมีน้ำหนักเบาลงนอกจากนั้นยังมีระบบระบายแรงดันน้ำมันเครื่องด้วยวางแปรผันเป็นไปตามรอบเครื่องยนต์การควบคุมก็จะมี ECU คอยวิเคราะห์ควบคุมโดยการใช้อัลกอริทึมทำให้มีการคำนวณที่แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม
ช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ด้วยโครงสร้างปีกนกสองชั้นที่ด้านหน้าซึ่งมีความทนทานแข็งแกร่งและยืดหยุ่น แท่นยึดคานบนของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้รับการปรับตำแหน่งยึดเกาะให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มช่วงชักอีก 20 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนและความนุ่มนวลในการขับขี่ ช่วงล่างด้านหลังมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมความแข็งแกร่งโดยใช้แหนบแผ่นซ้อนที่ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยโช้คอัพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
สภาพเส้นทางที่ออกแบบมามีทั้งสภาพเลนส์โคลนเปรื่นมีการลุยน้ำท่วมสูงและมีเนินเอียงสลับมาให้ได้ลองขับกันซึ่งแน่นอนว่าเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ให้การส่งกำลังต่อเนื่องนั้นสามารถควบคุมรถได้อย่างราบรื่นอยู่แล้วมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้งเพิ่มเข้ามาอีกจึงทำให้ควบคุมรถทำได้ง่ายโดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีให้เลือกถึง 7 โหมดครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)ให้เลือกตามสภาพพื้นผิวของถนนแต่แค่ขับเคลื่อน 4 ล้อปกติสภาพสนามที่สร้างเอาไว้ก็สามารถผ่านได้อย่างสบายๆแล้ว
มาถึงเส้นทางแบบออนโรดกันบ้างรุ่นที่น่าสนใจก็จะเป็นตัว Single Cab ซึ่งเป็นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขนส่งโดยเฉพาะโดยสามารถวางตะกร้าได้ถึง 13 ใบตัวกระบะเองก็มีช่องเสียบและหูยึดติดอยู่กับพื้นทำให้การยึดสัมภาระทำได้แน่นหนา
สำหรับเฟรมจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นเฟรมแบบไฮเทนชั่นสตีลที่มีความแข็งแรงน้ำหนักเบาเอาใจคนที่อยากได้รถไว้บรรทุกของได้เยอะๆถึงแม้ตัวถังของ ออล-นิว ไทรทัน จะมีขนาดใหญ่บึกบึนยิ่งขึ้น แต่ยังคงรัศมีวงเลี้ยวที่แคบและคม เพื่อให้ควบคุมได้อย่างคล่องตัว และเสริมทัศนะวิสัยในการขับขี่ให้สะดวกและปลอดภัยขึ้นด้วยการออกแบบฝากระโปรงที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นสายขอบฝากระโปรง ความปลอดภัยและความสะดวกสบายนับเป็นส่วนสำคัญที่ได้รับการพัฒนา
สำหรับรุ่น Cab ก็จะได้ห้อง Cab ที่มีความกว้างใส่ของได้เยอะเบาะนั่งคู่หน้าได้รับการออกแบบให้ช่วยหนุนแผ่นหลังส่วนล่าง ขณะที่พื้นที่ช่วงไหล่มีรูปทรงเปิดกว้างเพื่อความสบายในการขยับตัว ช่วยลดความเหนื่อยเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ระยะของเบาะที่ตรงกับตำแหน่งสะโพกได้รับการขยับสูงขึ้น เพื่อช่วยปรับสรีระขณะขับขี่ให้อยู่ในท่าตรงโดยยังคงความคล่องตัวสะดวกสบายตามหลักสรีระศาสตร์ ทั้งพัฒนาเพิ่มทัศนวิสัยให้มองเห็นเส้นทางได้สะดวกจากภายในห้องโดยสาร
นอกจากนี้ การเข้าและออกจากห้องโดยสารทำได้ง่ายขึ้นด้วยการออกแบบเสาด้านหน้าใหม่ ที่เป็นแนวตรงมากขึ้น ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น และเพิ่มพื้นที่บันไดข้างให้ใหญ่ขึ้น ลดโอกาสลื่นไถล ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม ช่วงล่างถูกออกแบบมาให้มีกระบอกโช๊คใหญ่ขึ้นพร้อมเหล็กกันโคลง
ส่วนภายในก็จะได้จอกลางขนาด 10 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในทุกๆรุ่น มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ช่วยให้ ปรับเอนเบาะคู่หน้าได้สะดวกขึ้น ด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนตัวกระบะก็จะมีพื้นที่การบรรทุกขนาดใหญ่ด้วยเช่นกันโดยสามารถที่จะใส่ตะกร้าได้ถึง 8 ใบทำให้การบรรทุกก็จะทำได้ดีในมากกว่าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้