ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูฝน ถึงเวลาที่ผู้ขับขี่และเจ้าของรถจะต้องเตรียมรถของตนเองให้พร้อมสําหรับความท้าทายต่าง ๆ ในการขับขี่บนถนนที่เปียกและลื่น จึงจำเป็นต้องมีการดูแลรักษารถยนต์อย่างเหมาะสมในช่วงเวลานี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ตลอดจนยังเป็นการช่วยรักษาสมรรถนะและอายุการใช้งานของรถอีกด้วย
ตรวจสอบยางของคุณ : หนึ่งในปัจจัยสําคัญที่สุดของการดูแลรถยนต์ช่วงฤดูฝนคือการหมั่นตรวจสภาพยางว่าอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ เริ่มด้วยการตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจํา เนื่องจากแรงดันลมยางต่ำอาจทําให้แรงต้านบนพื้นผิวเปียกลดลง และตรวจสอบให้แน่ใจว่ายางของคุณมีความลึกของดอกยางเพียงพอสําหรับการยึดเกาะถนน หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่กำลังเผชิญกับฝนตกหนัก ให้พิจารณาเปลี่ยนมาใช้ยางรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในฤดูฝนโดยเฉพาะ สุดท้ายแล้วอย่าลืมตรวจสอบและเปลี่ยนยางรถยนต์สม่ำเสมอเพื่อยืดอายุการใช้งานของยางรถของคุณด้วย
ตรวจสอบและเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน : การมองเห็นท้องถนนเป็นสิ่งสําคัญเมื่อขับรถท่ามกลางสายฝน ใบปัดน้ำฝนที่เสียหายหรือชํารุดอาจส่งผลให้คุณไม่สามารถเห็นวิวถนนได้อย่างเต็มที่และทำให้การขับขี่มีความอันตรายมากขึ้น ตรวจสอบและเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนของคุณในกรณีที่มีร่องรอยการแตกหักหรือมีความแข็งกระด้าง ด้วยที่ใบปัดน้ำฝนจะเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป เราจึงแนะนำให้เปลี่ยนใบปัดอย่างน้อยปีละครั้ง
ตรวจสอบระบบไฟ : ไฟของรถยนต์ที่มีความสว่างที่เหมาะสมเป็นสิ่งสําคัญสําหรับทั้งการมองเห็นของคุณเองและสำหรับผู้ขับขี่คนอื่น ๆ ให้สามารถมองเห็นคุณในขณะที่ฝนตกได้ คุณจึงควรตรวจสอบไฟภายนอกทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรกและไฟเลี้ยว รวมถึงเปลี่ยนหลอดไฟที่สลัวหรือหลอดไฟขาดเพื่อเพิ่มการมองเห็นบนท้องถนน
ตรวจสอบเบรกและระบบกันสะเทือน : ยิ่งช่วงถนนเปียก ยิ่งต้องสามารถควบคุมรถได้ดี จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเบรกของคุณยังทํางานได้ดีหรือไม่ เนื่องจากระบบเบรกที่มีปัญหาจะเพิ่มระยะหยุดบนพื้นผิวเปียกอย่างมากและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบระบบกันสะเทือนของรถเช่นกันเพื่อรักษาเสถียรภาพและการทำงานที่เหมาะสมในช่วงสภาพอากาศเปียกชื้น
ลงทุนซื้อประกันรถยนต์ : แม้ว่าคุณจะปฏิบัติตามข้อควรระวังทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
การมีแผนความคุ้มครองประกันรถยนต์ที่เชื่อถือได้จะช่วยปกป้องคุณเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือ “พ.ร.บ.” มีความคุ้มครองจํากัด เราจึงสนับสนุนให้ผู้ขับขี่ซื้อแผนประกันรถยนต์ภาคสมัครใจเพิ่มเติมเพื่อความคุ้มครองสูงสุดสําหรับทั้งรถยนต์และผู้ขับขี่