Ducati DesertX ถูกออกแบบและพัฒนามาจากแรงบันดาลใจจากชัยชนะในการแข่งขัน Paris-Dakar ในปี 1990 ซึ่งเป็นสนามที่พิสูจน์ความแกร่ง ความแข็งแรง และความทนทานของยานพาหนะสายแรลลี่อย่างแท้จริง โดยการออกแบบทุกอย่างตั้งแต่ตัวถังรถ และไฟ DRLs ทรงกลมของ Ducati DesertX ยังนับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของการออกแบบ Dual Propose คือ ทุกช่วงอายุสามารถใช้งานได้โดยไม่มีปัญหาในเรื่องความเมื่อยล้า ด้านท่าทางในการขับขี่ และสามารถใช้งานได้แทบทุกสภาพถนนอีกด้วย
Ducati DesertX ยังจัดอยู่ใน Segment เดียวกับ Ducati Multistrada แตกต่างแค่เพียง Ducati DesertX จะเน้นคุณสมบัติ Off-Road แบบ Hard-Core ที่เน้นการกระโดด ข้ามผ่านอุปสรรค และตะลุยไปได้ในทุกเส้นทาง แต่เมื่อขับขี่แบบ On-road ก็ยังให้ความรู้สึกที่สบาย สามารถควบคุมการขับขี่ได้ง่าย และมีความคล่องตัวสูง ท่านั่งที่กระชับเหมาะกับการขับขี่ทางไกลได้นาน
Ducati DesertX ถือเป็น Enduro Adventure Bike รุ่นแรกของ ดูคาติ ที่เข้ามาตอบโจทย์ ไบค์เกอร์สายลุย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร กับรถ Enduro ตัวรถสีขาวแต้มด้วยสีแดง พร้อมแฟริ่งด้านข้างตัวรถที่ถูกออกแบบใหม่ให้ทนทานต่อการใช้งานบนเส้นทางออฟโรด ด้วยไฟหน้าคู่ทรงกลมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถ Cagiva Elefant ในรายการ Paris-Dakar
มีการพัฒนาเครื่องยนต์ มาเป็นเครื่องยนต์ 937 ซีซี. มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ Testastretta 11° ซึ่งมีน้ำหนักเบามากกว่าเครื่อง Testastretta 11° ปกติถึง 1.7 กิโลกรัม ทำให้การขับขี่ในแบบ Enduro มีการควบคุมได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า (81 กิโลวัตต์) ที่ 9,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที และด้วยความเป็นรถ Enduro Adventure Bike ทำให้ Ducati DesertX มีความพิเศษกว่าทั่วไป คือ ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมล้อซี่ลวด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Enduro Adventure Bike ทุกคัน
ในส่วนของความสูง Ducati DesertX คันนี้ มาพร้อมความสูงเบาะที่ 845 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นความสูงที่เหมาะกับสรีระของคนเอเชีย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถคอนโทรลรถในขณะขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น และการออกแบบที่ต้องการให้ Ducati DesertX เป็นรถที่ตอบสนองการเดินทางแบบ Enduro Adventure Bike ได้ดีที่สุด ทำให้น้ำหนักของคันนี้มี Dry weight อยู่ที่ 202 กิโลกรัม และเมื่อรวมของเหลวจะมีหนัก 223 กิโลกรัม
นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นของตัวรถแล้ว แผงมาตรวัดความเร็วแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว ในแนวตั้ง เป็นอีกหนึ่งการออกแบบที่คำนึงถึงลักษณะของการขับขี่ไม่ว่าจะนั่งหรือยืนก็สามารถมองเห็นข้อมูลบนหน้าจอได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถแสดงผลได้ถึง 2 รูปแบบ 1.) Standard mode 2.) Rally mode (trip master) มาพร้อม 6 โหมดการขับขี่ และมี 2 โหมดที่เพิ่มเติมมา คือ โหมดการขับขี่แบบออฟโรด คือ Enduro และ Rally เพื่อให้การเข้าโค้งเป็นไปได้อย่างใจคิด ผู้ขับขี่สามารถปิด ABS ได้ในโหมดออฟโรด ด้วยปุ่มพิเศษ IMU Assisted traction control อีกด้วย “สิ่งที่น่าสนใจ คือ Ducati DesertX คันนี้ ถูกออกแบบมาให้สามารถขี่ทางไกลได้ดีมากๆ
โดยนอกจากถังน้ำมันขนาด 21 ลิตร ที่ติดตัวรถมาแล้ว ลูกค้ายังสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมถังเก็บน้ำมันด้านข้างรถที่สามารถจุน้ำมันได้เพิ่มอีก 8 ลิตรด้วย ส่วนการบำรุงรักษา Ducati DesertX จะมีไฟเตือนเข้ารับบริการ Desmo service ทุก 30,000 กิโลเมตร และ Oil service ทุก 15,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี อีกด้วย
สำหรับไบค์เกอร์สายลุยที่ต้องการสัมผัสตัวจริงของ Ducati DesertX ที่มีดีไซน์สุดเท่ ด้วยความโดดเด่นของตัวรถ สีขาวแปลกตาไม่เหมือนใคร สมรรถนะแรงเร้าใจ ควบคุมการขับขี่ได้ง่าย มีความคล่องตัวสูง และตอบโจทย์การขับขี่ทางไกลได้อย่างสบายๆ สามารถชมคันจริงได้ที่โชว์รูม ดูคาติ สาขาสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 โดยลูกค้าที่จองและรับมอบรถภายในเดือนธันวาคมนี้ ดูคาติ ประเทศไทย ยังได้รับเสื้อยืด Ducati DesertX (มีจำนวนจำกัด)
จากความโดดเด่นทุกด้าน จึงคาดหมายว่า Ducati DesertX จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่จะสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถบิ๊กไบค์ในช่วงปลายปี ลูกค้าสามารถชมคันจริงได้ที่โชว์รูม ดูคาติ สาขาสุวรรณภูมิ ที่ผ่านมา Ducati DesertX ถือได้ว่าเป็นรถรุ่นที่ไบค์เกอร์สายฝุ่นให้ความสนใจ และได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ จากการเปิดตัว 2022 Line up ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้มีรถพร้อมส่งมอบเพียง 20 คันเท่านั้น เปิดให้จอง Ducati DesertX ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่โชว์รูม ดูคาติ ทั่วประเทศ รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ ให้ไบค์เกอร์ได้เป็นเจ้าของ Ducati DesertX ในราคาช่วงเปิดตัว 639,000 บาท เพียง 20 คันเท่านั้น ราคานี้ถึงสิ้นปีเท่านั้น รับประกันคุณภาพตัวรถนาน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ฟรีจดทะเบียน และ พ.ร.บ. พร้อมบริการส่งฟรีทั่วประเทศ