เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล M มาพร้อมกับการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ใหม่ ที่ผสานความหลงใหลในการแข่งรถแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีทันสมัยได้อย่างลงตัว บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นพิเศษในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดกลางคันนี้ ผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันทั่วโลก และมาให้ลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของในจำนวนสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 4 คันในราคา 17,999,000 บาท มอบสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วยพละกำลัง 405 กิโลวัตต์ / 551 แรงม้า ทุบสถิติรอบเวลาจากการทดสอบในสนามแข่งรถที่เร็วที่สุดสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่ผลิตเพื่อจำหน่าย น้ำหนักที่ลดลงถึง 100 กิโลกรัมตอกย้ำถึงคุณลักษณะอันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ไม่ว่าจะเป็น Competition (การแข่งขัน) Sport (ความสปอร์ต) และ Lightweight (น้ำหนักเบา) มอบส่วนผสมอันสมบูรณ์แบบระหว่างขุมพลังที่แรงเร้าใจเข้ากับการออกแบบอย่างชาญฉลาด
ด้วยตัวถังอันแข็งแกร่งและเทคโนโลยีการออกแบบแชสซีได้รับการอัปเกรดในหลาย ๆ ด้าน เพื่อสะท้อนคุณลักษณะของรถสปอร์ตสมรรถนะสูง น้ำหนักที่ลดลงจากเบาะแบบ M Carbon Bucket Seat ล้ออัลลอยที่เบาขึ้น และการเลือกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) มาผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เช่น หลังคา และฝากระโปรงหน้า พร้อมกับการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุใหม่ที่มีน้ำหนักเบาขึ้น ในบริเวณกระจังหน้า ไฟท้าย พรมปูพื้น และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มอบส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ ความคล่องตัว และความแม่นยำของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงสายพันธุ์ M ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ใหม่ ยังเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบช่วงล่าง Adaptive M พร้อมโช้กอัพควบคุมระบบไฟฟ้า พวงมาลัยไฟฟ้าปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ และเบรกคาร์บอนเซรามิกน้ำหนักเบา M Carbon พร้อมคาลิปเปอร์สีแดงสด ระบบเบรกที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น M มอบความมั่นใจสูงสุดขณะขับขี่ด้วยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมขณะควบคุมเบรกในทุกสถานการณ์ แกนฝาสูบผลิตด้วยเทคนิคการพิมพ์ 3 มิติ ตอกย้ำความโดดเด่นด้านนวัตกรรมของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล M
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ใหม่ แสดงถึงการผสานแนวคิดดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยคงไว้ซึ่งสิ่งที่จำเป็นสำหรับสุดยอดสมรรถนะบนสนามแข่ง นอกจากการออกแบบที่คำนึงถึงการลดน้ำหนักรวมของตัวรถ พื้นผิวคาร์บอนไฟเบอร์ตัดขอบด้วยเส้นสายสีแดงสด ชูรูปลักษณ์อันปราดเปรียวของยนตกรรมแบบสปอร์ต ชิ้นส่วนตัวถังผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์รวมถึงฝากระโปรงหน้าที่มีส่วนนูนอันเป็นเอกลักษณ์ เส้นสายบริเวณส่วนโค้งถูกตัดขอบด้วยสีแดงเพื่อเน้นรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว และเน้นจุดเด่นของรถแข่ง GT ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้า BMW Laserlight ที่ส่องสว่างเป็นสีเหลืองแทนสีขาวเมื่อปลดล็อกประตูและเมื่อเปิดไฟต่ำและไฟสูง ไฟท้ายแบบ LED โดดเด่นด้วยเส้นแสงที่วิจิตรบรรจงจากเทคโนโลยีเลเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ใหม่ มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ได้แก่ M Drive Professional ที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเสริมสัมผัสที่เร้าใจยิ่งขึ้นขณะขับขี่ในสนามแข่ง รวมถึงฟังก์ชัน M Drift Analyser ที่สามารถบันทึกและวิเคราะห์คะแนนความแม่นยำในการเข้าโค้งของผู้ขับขี่ พร้อมระบบ M Laptimer ช่วยบอกเวลาการขับขี่ต่อรอบ รวมถึงข้อมูลการขับขี่อื่น ๆ ในสนามแข่ง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบ M Traction Control ที่ปรับระดับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีได้ถึง 10 ระดับตามความต้องการของผู้ขับขี่ก่อนสั่งการให้ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ทำงาน มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ลาย Star spoke และยาง Ultra Track ขนาด 19 นิ้วสำหรับล้อหน้าและขนาด 20 นิ้วสำหรับล้อหลัง
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ใหม่ มีความคล้ายคลึงด้านเครื่องยนต์กับบีเอ็มดับเบิลยู M4 GT3 ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงพร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ขนาด 3.0 ลิตร มอบแรงบิดเต็มสูบสูงถึง 650 นิวตันเมตร ที่ 2,750 – 5,950 รอบต่อนาที มอบพละกำลังสูงสุด 405 กิโลวัตต์ / 551 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที โลดแล่นด้วยความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้เหนือความคาดหมายภายในเวลาเพียง 3.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 307 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับระบบเกียร์ 8 จังหวะแบบ Steptronic พร้อม Drivelogic ตอบสนองการทำงานคู่กับเครื่องยนต์ได้ฉับไวไร้ที่ติ
จุดเด่นของการตกแต่งภายในของบีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ใหม่ คือเบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีท M Carbon ซึ่งรวมเอารูปแบบเบาะที่นั่งของรถแข่งเข้าไว้กับโครงสร้างคาร์บอนน้ำหนักเบาสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า โดยมุมพนักพิงสามารถปรับได้ด้วยตนเอง ในขณะที่ความสูงของเบาะนั่งต้องปรับด้วยข้อต่อแบบสกรูเท่านั้น
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ยังเน้นการตกแต่งกลิ่นอายสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยหนัง M Alcantara เพดานหลังคาสี Anthracite แถบตกแต่งภายในวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และตราสัญลักษณ์ CSL ที่เบาะนั่ง คอนโซลกลาง แผงคอนโซลหลัง และจอแสดงผล M การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่งทำให้เข็มขัดนิรภัยรองรับการยึดได้หลายจุด แผงควบคุมบนคอนโซลกลางยังมีปุ่ม M Mode มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใช้สำหรับตั้งค่าการตอบสนองและรูปแบบของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่าง ๆ ส่วนมาตรวัดและหน้าจอ Head-up Display แสดงข้อมูลระหว่างการขับขี่ในสภาวะต่าง ๆ ตามสไตล์รถสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล M