Harley-Davidson® ส่งพลังแห่งสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ Low Rider® El Diablo รุ่นลิมิเต็ดอิดิชันใหม่ล่าสุดจาก “Icons Collection” เพื่อเอาใจเทรนด์สไตล์คัสตอมแบบฝั่งตะวันตกของอเมริกา รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider® El Diablo ได้รวบรวมสมรรถนะที่โฉบเฉี่ยวและความเก่งกาจของรถสปอร์ตเข้ากับกราฟฟิกจากการรังสรรค์ด้วยมือที่สวยงามน่าจับตามอง มาพร้อมขุมพลังของระบบเสียง Harley-Davidson® Audio โดยชุดเครื่องเสียงจาก Rockford Fosgate®
จุดมุ่งหมายของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider® El Diablo คือการยกระดับสไตล์และสมรรถนะของการขับขี่สไตล์สปอร์ตแบบไร้ขีดจำกัด Low Rider® El Diablo ผสมผสานความคล่องตัวในการเดินทางด้วยกระเป๋าสัมภาระที่ทนทานและแฟริ่งแบบติดเฟรมเข้ากับประสิทธิภาพการควบคุมที่ตึงในแชสซีของ Harley-Davidson® รุ่น Softail® พร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์แบบ V-Twin ของระบบส่งกำลัง Milwaukee-Eight® 117 การผลิตของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จะผลิตออกมาเพียงครั้งเดียว มีจำนวนทั้งหมด 1,500 คันทั่วโลก และกำหนดระยะเวลาวางจำหน่ายตามตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson® ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2022
รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® รุ่น Low Rider® ST เปรียบเสมือนรากฐานของรุ่น Low Rider® El Diablo รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน โดยปรับโฉมของรุ่น Low Rider® ST ด้วยการเพิ่มรูปแบบของสีที่มีลวดลาย Gunslinger Custom Paint กับสีพื้นฐาน El Diablo Bright Red แต่งเติมมิติด้วยสี Bright Red Sunglo ลายเส้นสีแดงจะถูกพ่นบนตัวรถ พร้อมเลเยอร์ของสี El Diablo Dark Red และสี Dark Red Pearl ที่ค่อย ๆ จางลง เพื่อเพิ่มมิติและความลึกให้กับตัวรถ และเมื่อพ่นสีเรียบร้อยแล้ว ลายเส้นสี El Diablo Dark Red Metallic จะพาดไปตามกระเป๋าสัมภาระด้านข้าง ถังน้ำมัน ที่บังโคลน และแฟริ่ง นอกจากนี้ ยังมีลายเส้นสี Pale Gold เป็นองค์ประกอบที่ช่วยสร้างให้ดูเหมือนความมันวาวในสไตล์การลงสีแบบลูกกวาด (Candy effect)
ในขณะเดียวกัน สีของเครื่องยนต์ ตลอดไปจนถึงท่อไอเสียจะเป็นสีดำ เพิ่มความสะดุดตาให้กับสี El Diablo อย่างโดดเด่น พร้อมด้วยล้อแบบ Radiate Cast-aluminum สีบรอนซ์เข้มแบบด้านที่ตัดกับตัวรถอย่างลงตัว สีของ Low Rider® El Diablo ถูกรังสรรค์ด้วยช่างฝีมือที่ประจำอยู่ที่ Gunslinger Custom Paint เมืองโกลเดน รัฐโคโลราโด ผู้คนรู้จัก Gunslinger ในนามของจิตรกร นักออกแบบ ศิลปิน และผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์แบบคัสตอมที่เป็นซัพพลายเออร์สำคัญให้กับรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ตระกูล Custom Vehicle Operations™ และรถมอเตอร์ไซค์รุ่น สี Limited Edition มาหลายทศวรรษ
รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider® El Dablo มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ถูกออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพที่โดดเด่นและเข้ากันกับแฟริ่งของรถ เครื่องขยายเสียงอัจฉริยะที่ทรงพลังด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ถูกพัฒนาขึ้นโดย Harley-Davidson® และ Rockford Fosgate® ได้รับการออกแบบเทคนิคทางด้านวิศวกรรม เพื่อให้เครื่องเสียงทำงานในสภาพแวดล้อมของรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเสียงรบกวนได้ดี ระบบเครื่องเสียงจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือ ผ่าน Bluetooth เพื่อสามารถเล่นเพลงที่จัดเก็บในคลัง หรือจากระบบสตรีมมิ่ง ด้วยลำโพงสองทางในตัว ลำโพงประกอบด้วยวูฟเฟอร์ ขนาด 5.25 นิ้วหนึ่งคู่และทวีตเตอร์ในระยะไกล2เครื่อง เพื่อประสิทธิภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมBluetooth เวอร์ชั่น 4.2 เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายที่เหนือชั้น กับอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยบีบอัดไฟล์ให้เล็กที่สุดเพื่อคุณภาพเสียงที่ทรงพลัง เครื่องขยายเสียงแบบกระทัดรัด ขนาด 250 วัตต์ ติดตั้งอยู่ภายในแฟริ่ง เพื่อให้มิติเสียงคมชัดในทุกระดับเสียงการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Harley-Davidson® Audio โดยชุดเครื่องเสียงจาก Rockford Fosgate® นำเสนอคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ Automatic Volume Control (AVC) ที่ช่วยให้สามารถควบคุมระดับเสียงแบบแฮนด์ฟรีตามความเร็วของตัวรถ, EQ 7-Band ที่ปรับได้, การอัพเดตเฟิร์มแวร์ และ ตัวกำหนดค่าระบบแบบเป็นขั้นเป็นตอน
รูปทรงแฟริ่งLow Rider® El Diabloแบบติดเฟรมได้รับแรงบันดาลใจจากแฟริ่งรุ่นคลาสสิก FXRT Sport Glide® ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักคัสตอมฝั่งตะวันตก ประสิทธิภาพของแอโรไดนามิกถูกพัฒนาผ่านการวิเคราะห์ CFD (พลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ) และการทดสอบแบบจริง ช่องระบายอากาศที่แยกออกเป็นสามทาง แบบช่องเดี่ยวและแบบ Softail® ช่วยลดการเสียดทานของลมขณะขับขี่บนทางหลวง กระบังลมสีเขม่าเข้มสูง 6 นิ้ว ไฟหน้าแบบเดี่ยว ขนาด 5.75 นิ้ว
เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 117 V-Twin นี้ มีการระบายความร้อนด้วยน้ำมัน และอากาศที่แม่นยำ ซึ่งถือเป็นการจัดการระบบส่งกำลัง การกระจัด และแรงบิดที่ยอดเยี่ยมจากโรงงานของ Harley-Davidson® เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 117 นี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้โดดเด่นยิ่งขึ้น และทำให้ผู้ขับขี่พร้อมลุยบนถนนได้อย่างมั่นใจ ความจุกระบอกสูบ 117 ลูกบาศก์นิ้ว แรงบิดขนาด 125 ฟุต-ปอนด์ ที่ 3,500 RPM เพื่อประสิทธิภาพการออกตัวที่สัมผัสได้ทุกครั้งเมื่อบิดคันเร่งเพลาลูกเบี้ยวประสิทธิภาพสูงที่ถูกออกแบบมาให้สัมพันธ์กับการกระจัด และการไหลของอากาศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของรถ ท่อไอดี Heavy Breather ประสิทธิภาพสูงที่ถูกปรับจูน พร้อมชิ้นส่วนตัวกรองแบบหันหน้า เพื่อให้อากาศเข้าสู่เครื่องยนต์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างแรงบิดช่วงกลางที่น่าตื่นเต้น และเพิ่มภาพลักษณ์แบบดุดันให้กับตัวรถ ท่อไอเสีย Shotgun แบบเข้า 2 ออก 2 ถูกจูนมาเพื่อให้เกิดแรงบิดช่วงกลางที่กว้าง และนุ่มนวล พร้อมกับเสียงบิดที่เป็นเอกลักษณ์Dual Counter-Balancers ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนเมื่อรถจอดอยู่กับที่ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ ชิ้นส่วน Screamin’ Eagle® Performance Parts Stage Upgrades จาก Harley-Davidson® Genuine Motor Parts & Accessories ถูกติดตั้งมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น
กระเป๋าฝาพับด้านข้างแบบล็อคได้ สามารถถอดออกภายในไม่กี่วินาทีด้วยกลไกปลดล็อคอย่างรวดเร็ว สามารถเปลี่ยนจากโหมดสปอร์ตทัวร์ริ่ง สู่โหมดขับขี่ในเมือง (ความจุกระเป๋าด้านข้างเท่ากับ 1.9 ลูกบาศก์ฟุต/53.8 ลิตร)ระบบกันสะเทือนแบบ Monoshock ทรงสูง ช่วยยกส่วนท้ายของตัวรถมอเตอร์ไซค์ขึ้น เพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ พร้อมทั้งเพิ่มองศาการเอนของตัวรถ โช้คเดี่ยวแบบหัวกลับ 43 มิลลิเมตร เบรกหน้าคู่พร้อมดิสก์ ล้อ Premium Michelin® Scorcher® 31 แบบพรีเมี่ยม (ล้อหน้า 110/90B19 และล้อหลัง 180/70B16) เพิ่มสมรรถนะของการขับขี่และการควบคุมรถ
เครื่องมือตรวจสอบ “เทคเกจ” แบบดิจิตอลในไรเซอร์ของแฮนด์จับแบบถอดออกได้ ทำให้ดูเหมือน “ไม่มีเกจ” เบาะนั่งเดี่ยวแบบลึก ช่วยให้ผู้ขับขี่นั่งอยู่กับที่ระหว่างเร่งความเร็วและเข้าโค้งอย่างโฉบเฉี่ยวแฮนด์จับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 นิ้ว ที่ติดตั้งบนตัวยกแบบดึงกลับ ขนาด 4 นิ้ว เป็นองค์ประกอบสไตล์แบบชายฝั่งตะวันตก เพื่อให้ผู้ขับขี่มีท่าทางที่ดุดันบนรถมอเตอร์ไซค์ถังคอนโซลแบบเตี้ย ไฟเบรกและไฟท้ายที่สว่างแบบ LED ช่องเสียบสาย USB ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) พื้นฐาน และระบบ Cruise Control