รายงานประจำปี “แนวโน้มระยะยาวของรถยนต์ไฟฟ้า” (Long-Term Electric Vehicle Outlook: EVO) โดยบลูมเบิร์ก นิว เอเนอร์จี้ ไฟแนนซ์ (บลูมเบิร์กเอ็นอีเอฟ) เปิดเผยว่าการขนส่งทางถนนสามารถบรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยเปลี่ยนสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ แต่ผู้กำหนดนโยบายและผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมต้องเร่งผลักดันนโยบายรถยนต์บางประเภท เช่น รถโดยสารสาธารณะ รถสองล้อ และรถสามล้อ ใกล้ที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจและต้องการนโยบายเพิ่มเติมที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในยานยนต์ประเภทอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดกลาง
รายงาน “แนวโน้มระยะยาวของรถยนต์ไฟฟ้า” กล่าวถึงความเป็นไปได้สองทางของการใช้การขนส่งทางไฟฟ้าจากนี้ไปจนถึงปี 2593 และศึกษาผลกระทบที่จะมีต่ออุตสาหกรรมแบตเตอรี่ แร่ธาตุ น้ำมัน ไฟฟ้า สาธารณูปโภคพื้นฐาน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความเป็นไปได้แรก คือการขับเคลื่อนโดยการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ (The Economic Transition Scenario: ETS) ซึ่งอยู่บนสมมติฐานว่าภาครัฐไม่มีการออกนโยบายหรือกฎระเบียบใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงจะถูกขับเคลื่อนโดยแนวโน้มด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ตลอดจนแรงขับคลื่อนจากกลไกตลาด ความเป็นไปได้ที่สอง คือการมองหาแนวทางที่เป็นไปได้ในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์จากการขนส่งทางถนนภายในปี 2593 ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเป็นตัวขับเคลื่อนของการเปลี่ยนพฤติกรรมที่สำคัญนำไปสู่การใช้เทคโนโลยียานยนต์เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2593
ยอดขายรถยนต์โดยสารไฟฟ้าคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเพิ่มขึ้นจาก 6.6 ล้านคันในปี 2564 เป็น 21 ล้านในปี 2568 ตามความเป็นไปได้ของการขับเคลื่อนโดยการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ จำนวนรถไฟฟ้าที่วิ่งบนถนนทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็น 77 ล้านคันในปี 2568 และ 229 ล้านคันในปี 2573 เพิ่มจาก 16 ล้านคัน เมื่อสิ้นปี 2564 ซึ่งสะท้อนความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมาจนถึงปัจจุบัน