ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1902 จนกระทั่งถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 120 ปี จากชื่อเสียงที่โด่งดังระดับโลกในด้านความแม่นยำ คุณภาพ และสไตล์ ไทรอัมพ์ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางวิวัฒนาการของรถจักรยานยนต์ผ่านความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยมในการทำลายขีดข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี สมรรถนะ และดีไซน์ เพื่อสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบในทุก ๆ วัน โดยครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะพาทุกคนไปสัมผัสเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของไทรอัมพ์ที่เริ่มต้นตั้งแต่แพลตฟอร์มเครื่องยนต์ดั้งเดิมที่ถูกนำไปปรับใช้ทั่วโลก ไปจนถึงการคิดค้นและเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์หมวดหมู่และเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมในภาพรวมของโลกรถจักรยานยนต์จนถึงปัจจุบัน
วิวัฒนาการและเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ตลอด 120 ปี เริ่มจากเครื่องยนต์สูบคู่รุ่นแรกจนถึงรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดและแรงบิดสูงสุดในโลก ซึ่งมีการผลิตและวางจำหน่ายอันเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนานของไทรอัมพ์ ในการสร้างตำนานรถจักรยานยนต์คันแรกของรุ่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรถ factory streetfighter รถสแครมเบลอร์ที่รองรับการขี่แนวแอดเวนเจอร์ หรือรถบอบเบอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนไปถึงรถจักรยานยนต์ Street Bike ที่เป็น Moto2 Edition หรือจะเป็นรถจักรยานยนต์สปอร์ตระบบหัวฉีด ตลอดจนการเป็นแบรนด์เดียวที่สามารถทำลายสถิติความเร็วสูงสุดทางบกด้วยรถจักรยานยนต์ได้ถึงสี่ครั้งด้วยกัน ในขณะที่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ ไทรอัมพ์ได้โชว์ให้เห็นในหลากหลายเหตุการณ์ตลอดระยะเวลา120 ปี ไม่ว่าจะเป็นการขี่ข้ามเนินทรายและในสนามแข่ง บนถนนลูกรัง รวมถึงตามตรอกซอยในเมือง โดยเหล่าวิศวกรระดับโลกของไทรอัมพ์ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพที่ดีที่สุดด้านประสบการณ์การขับขี่ และมอบความประทับใจให้กับเจ้าของรถ เพื่อการใช้งานอย่างเต็มสมรรถนะในทุกเส้นทางการขับขี่
อีกทั้งหากพูดถึงสถิติตัวเลขที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ่งใดจะยอดเยี่ยมเหนือไปกว่าเครื่องยนต์ Triumph Rocket 3 รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ผลิตและวางจำหน่าย มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบแบบอินไลน์ 2.3 ลิตร มอบแรงบิดสูงสุดได้ถึง 221 นิวตันเมตร และเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 2.73 วินาที นอกจากนี้ ไทรอัมพ์ยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างสรรค์เครื่องยนต์สมรรถนะสูง ผ่านการมีส่วนในการกำหนดความเร็วในสนามแข่งผ่านเครื่องยนต์ของ Street Triple 765 ซึ่งถูกนำมาปรับใช้เป็นเครื่องยนต์ในการแข่งขันรายการ Moto2 ของการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก MotoGP ที่สามารถทำลายสถิติความเร็วรอบได้ในการแข่งขันมากกว่ายี่สิบครั้ง และกลายเป็นรถจักรยานยนต์ Moto2 รุ่นแรกที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์แสดงให้เห็นถึงสไตล์ต้นแบบของวงการรถจักรยานยนต์ เริ่มต้นตั้งแต่รูปโฉมที่โดดเด่นเหนือกาลเวลาของ Bonneville จนถึงรุ่น TR6 ที่ Steve McQueen ตำนานแห่งวงการภาพยนตร์ใช้การขี่เหินข้ามรั้วลวดหนามในภาพยนตร์ The Great Escape และ Triumph Thunderbird 6T ที่ดารานักแสดงชาวอเมริกัน Marlon Brando ได้ขี่ปรากฎตัวสุดยิ่งใหญ่ในภาพยนตร์ The Wild One ไล่เรียงมาที่ Speed Triple จนถึง Bobber และ Tiger ที่ล้วนมาพร้อมความโดดเด่นสะดุดตาในยุคปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลในทุกส่วนของวงการรถจักรยานยนต์ในแบบที่ไม่มีแบรนด์ใดทำได้มาก่อน
ด้านรุ่นรถจักรยานยนต์ที่เป็นไอคอนของไทรอัมพ์ ส่วนหนึ่งมาจากชื่อที่โด่งดังในวงการรถจักรยานยนต์ เช่น Bonneville T120 ซึ่งถูกตั้งขึ้นตามเครื่องยนต์สูบคู่ ระบบเชื้อเพลิงเมทานอลของไทรอัมพ์ซึ่งใช้ในจรวด Streamliner เจ้าของสถิติความเร็ว ณ Bonneville salt flats ส่วน Hurricane X75 ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถคัสตอมจากโรงงานรุ่นแรกของโลก ในขณะที่โมเดล H ในตำนานคือ ‘Trusty Triumph’ อีกทั้ง Speed Twin ผลงานชิ้นเอกของ Edward Turner ซึ่งปฏิรูปวงการรถจักรยานยนต์ ไปจนถึง Daytona 675 สุดยอดรถแข่งสำหรับรายการซูเปอร์สปอร์ตของไทรอัมพ์ หรือจะเป็นScrambler 1200 ซึ่งพลิกโฉมวงการและยังเป็นรถคู่ใจของสายลับระดับโลกอย่าง James Bond
ด้านเทคโนโลยีของไทรอัมพ์ได้มุ่งเน้นไปการตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกด้าน ด้วยการมอบสิ่งจำเป็นและมีคุณค่าให้กับผู้ขับขี่ รวมถึงการมอบคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบ อันเป็นสิ่งที่ไทรอัมพ์ยึดถือมาตั้งแต่ยุคการเป็นผู้นำด้านการออกแบบทางวิศวกรรมรุ่นบุกเบิกในช่วงปี 1930 มาจนถึงทีมงานระดับแนวหน้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีฐานการดำเนินงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของไทรอัมพ์ใน Hinckley นอกจากนี้ไทรอัมพ์ยังใช้ระบบการบริหารจัดการอิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำสมัย ระบบสนับสนุนการขับขี่บนรถทุกรุ่น รวมถึงคุณลักษณะในการขับขี่ต่าง ๆ เช่น ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขั้นสูง โหมดผู้ขับขี่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และระบบเบรก ABS แบบมัลติแชนเนล ซึ่งทั้งหมดล้วนช่วยยกระดับการขับขี่ ซึ่งส่งผลดีในด้านความปลอดภัยและการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังรวมถึง ระบบเรดาร์จุดอับสายตา ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเสริมสมรรถนะขณะเข้าโค้ง และระบบเบรก ABS ที่มาพร้อมระบบวัดแรงเฉื่อย ระบบกันสะเทือนแบบเซมิแอคทีฟ หน้าจอ TFT พร้อมระบบเชื่อมต่อ MyTriumph ในตัว โหมดการขับขี่แบบไดนามิก ระบบสตาร์ทและล็อครถแบบไร้กุญแจ ระบบไฟ LED รอบคัน ปลอกมือจับและเบาะนั่งปรับอุณหภูมิไฟฟ้า ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วคงที่ สวิตช์ไฟเรืองแสง และระบบป้องกันการโจรกรรมแบบสั่งแยกปิดการทำงานได้ ฯลฯ เป็นต้น
ไทรอัมพ์ไม่เคยหยุดนิ่งในการมุ่งมั่นที่จะผลักดันโลกรถจักรยานยนต์สู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้น โดยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และปรับใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ เห็นได้จากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุด Tiger 1200 ไปจนถึงรถจักรยานยนต์ MX และ Enduro สำหรับการแข่งขันที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ตลอดจนการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญกับ บาจาจ (Bajaj) เพื่อผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าอนาคตของไทรอัมพ์ และแฟน ๆ ของไทรอัมพ์ทั่วโลกจะเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ และยังคงเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบไม่แตกต่างจากตลอด 120 ปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน