เป็นการต่อยอดสำหรับมอเตอร์ไซค์ออโต้ที่เน้นการใช้งานบนไฮเวย์เป็นหลัก ซึ่งในพิกัด 350 ซีซี นั้น Honda จะมี Forza 350 เป็นตัวทำตลาดอยู่แล้ว ในเมื่อ Honda มี xADV ที่เป็นรถออโต้สายลุยอยู่ในตลาดแล้วก็ไม่แปลกใจที่ Forza จะถูกแปลงโฉมให้เป็นรถสายลุยกับเขาด้วย
จุดเด่นจะอยู่ที่พวกระบบกันสะเทือนที่รองรับการใช้งานบนเส้นทางฝุ่นได้ด้วยการนำโช๊คอัพหัวกลับขนาด37มม.มาใช้ เพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงเมื่อต้องลุยจึงต้องยึดด้วยแผงคอบนแผงคอล่างในแบบ Big Bike แล้วใช้ตุ๊กตาจับแฮนด์เพื่อความมั่นคง
ในส่วนของแฮนจะเป็นแบบแทปเปอร์บาร์ที่มาพร้อมแฮนด์การ์ด แบบเดียวกับของมอเตอร์ไซค์วิบากที่มีความหนาอยู่ตรงกลางขนาด 28.6 มิลลิเมตรแล้วลดขนาดลงตรงปลายเป็นขนาด 22.2 มิลลิเมตรเพื่อให้มีน้ำหนักเบาควบคุมได้ง่าย
สะดวกกับการสตาร์ทด้วยกุญแจแบบคีย์เลสไม่ต้องเสียบกุญแจแค่พกติดตัวก็สามารถบิดสตาร์ทรถได้รวมไปถึงการเปิดเบาะนั่ง
โช๊คอัพหน้าสามารถยุบตัวได้ 125 มิลลิเมตรเป็นโช๊คอัพแบบหัวกลับทำให้ซับแรงกระแทกบนทางฝุ่นได้ดี ส่วนด้านหลังจะเป็นโช๊คอัพที่มีซับแทงค์คู่จาก SHOWA มาให้ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำมันใสจนเกินไปเมื่อมีการใช้งานกันหนักๆ เป็นการทำงานผสมกันระหว่างก๊าซไนโตรเจนกับน้ำมันซึ่งจะช่วยลดการเกิดความร้อนได้เป็นอย่างดี
ตัวรถจะมีความอวบหนาพอสมควรด้วยความยาว 2200 มิลลิเมตรกว้าง 895 มิลลิเมตรและสูง 1430 มิลลิเมตรซึ่งเป็นตัวถังที่ยาวและกว้างกว่า Forza รวมไปถึงฐานล้อที่ยาว 1518 มิลลิเมตรเมื่อเป็นรถลุยใต้ท้องก็ต้องถูกยกให้สูงขึ้นเป็น 155มิลลิเมตร
สิ่งที่ตามมาหลังจากใต้ท้องรถสูงขึ้นก็คือเบาะนั่งที่ถูกปรับสูงขึ้นไปด้วยเป็น 795 มิลลิเมตร เบาะนั่งจะถูกออกแบบมาให้เป็น 2 ระดับเพื่อให้คนซ้อนมีทัศนวิสัยที่ดีขึ้น
เมื่อได้เบาะกว้างกล่องใต้เบาะแบบ u-box จึงมีขนาดใหญ่สามารถจุได้ถึง 48 ลิตรโดยสามารถใส่หมวกกันน็อคได้ถึง 2 ใบการเปิดปิดก็ใช้ปุ่มที่อยู่ทางด้านหน้า รวมถึงช่องเก็บของด้านหน้า มาพร้อมช่องชาร์จไฟ USB Type C รองรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
สำหรับล้อจะมีขนาดเท่ากับของ Forza แต่มีการเปลี่ยนลายใหม่ทำให้ได้น้ำหนักที่เบาลง โดยล้อหน้าจะเบาลง 160กรัมส่วนล้อหลังจะเบาลง 60 กรัม
ช่วงการเดินทางการช่วยลดกระแสลมมาปะทะก็เป็นเรื่องที่ดี กระจกบังลมหน้าจึงสามารถที่จะปรับได้ถึง 4 ระดับโดยการใช้ปรับด้วยมือจึงทำได้ง่ายและก็สะดวก สะดุดตาด้วยชุดไฟรอบคันแบบ LED
เครื่องยนต์ที่ใช้ก็จะเป็นเครื่องยนต์สูบเดียว 4 วาวล์ใช้กระเดื่องแบบโรลเลอร์ยูนิแคมที่มีแรงเสียดทานน้อย ใช้ห้องปั๊มน้ำมันเครื่อง 2 ชั้น มีบาลานเซอร์ช่วยลดการสั่นสะเทือน มีหัวฉีดสำหรับการฉีดน้ำมันไปหล่อลื่นใต้ลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทานระบบส่งกำลังก็จะเป็นเกียร์ CVT โดยใช้คลัช 5 ก้อน
การใช้รถแบบนี้บนเส้นทางฝุ่นหรือทางเปียกลื่นจะเกิดการลื่นไถลได้ง่ายจึงต้องมีระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) มาช่วยซึ่งเป็นระบบที่ปรับแรงบิดได้ 2 ระดับจึงช่วยควบคุมการหมุนของล้อหลังไม่ให้เกิดการลื่นฟรีทำให้การกดคันเร่งเร็วๆบนเส้นทางที่เปียกลื่นอย่างทางฝุ่นหรือทางเปียกจึงคุมรถได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีระบบ ESS ที่จะเกิดไฟกระพริบทำงานของไฟเลี้ยวทุกด่วนเพื่อกระพริบเตือนให้รถคันข้างหลังได้รับรู้เมื่อเกิดการเบรกอย่างกะทันหัน
ระบบช่วยในการควบคุมรถที่เพิ่มเข้ามาทำให้ ADV350 เป็นรถที่มีความเหนือกว่ารถออโต้ในระดับเดียวกันทำให้สามารถลุยบนเส้นทางฝุ่นได้รวมไปถึงได้ความมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องเข้าไปอยู่บนเส้นทางที่เปียกลื่น