นิสสัน ประเทศไทย ได้จัดโครงการพิเศษ “NISSAN NAVARA PRO-4X FIRE RESCUE TEAM กล้า…เพื่อคนแกร่ง” ด้วยการส่งมอบนิสสัน นาวารา PRO-4X กระบะกล้าเพื่อคนแกร่ง พร้อมเครื่องเป่าลมแบตเตอรี่ สำหรับดับและไล่ไฟป่า ให้แก่ชุดปฏิบัติงานพิเศษเหยี่ยวไฟ เพื่อภารกิจควบคุมเพลิงตามแนวป่าได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว เสริมกำลังพิชิตภารกิจพิทักษ์ทรัพยากรป่า บรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศ
สถานการณ์ไฟป่าเป็นปัญหาระดับชาติที่เกิดขึ้นทุกปี คิดเป็นพื้นที่ป่าที่เสียหายปีละกว่าแสนไร่ โดยเฉพาะในภาคเหนือ และในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จากสถิติปี 2564 พบว่าในจังหวัดเชียงใหม่ เกิดไฟป่าทั้งสิ้นกว่า 1,305 ครั้ง ส่งผลให้พื้นที่ป่าเสียหายกว่า 33,369 ไร่ โดยมี “ทีมเหยี่ยวไฟ” ชุดปฏิบัติงานพิเศษ เป็นด่านหน้ารับภารกิจควบคุมไฟป่าภาคเหนือ ซึ่งขาดแคลนบุคลากร และเครื่องมือสนับสนุนภารกิจ
นิสสัน ประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของภารกิจควบคุมไฟป่า ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพอากาศ และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน จึงได้จัดตั้งภารกิจพิเศษ “NISSAN NAVARA PRO-4X FIRE RESCUE TEAM กล้า…เพื่อคนแกร่ง” สนับสนุน “ทีมเหยี่ยวไฟ” ชุดปฏิบัติงานพิเศษ หน่วยงานป้องกันและควบคุมเพลิงตามแนวป่า ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำหรับการปฏิบัติภารกิจควบคุมไฟป่า
วัตถุประสงค์ของการทำโครงการนี้ก็เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติงานพิเศษเหยี่ยวไฟ หน่วยงานป้องกันและควบคุมเพลิงตามแนวป่า ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดับไฟป่า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน
“NISSAN NAVARA PRO-4X FIRE RESCUE TEAM กล้า…เพื่อคนแกร่ง” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของนิสสันที่จะช่วยสนับสนุนชุดปฏิบัติงานพิเศษทีม “เหยี่ยวไฟ” จังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานป้องกันและควบคุมเพลิงตามแนวป่า ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า โดยการสนับสนุน นิสสัน นาวารา PRO-4X จำนวน 2 คัน สำหรับใช้เป็นยานพาหนะในการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าจุด Hot spot ที่ยากลำบาก ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ด้วยการเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้งานง่าย ทำให้สามารถพาเจ้าหน้าที่เดินทางไปได้ทุกเส้นทางทั้งออนโรด และออฟโรดที่สมบุกสมบัน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเขาที่สูงชัน หรือเส้นทางที่ต้องขับลุยผ่านทางน้ำต่าง ๆ ซึ่งไม่มีถนนเข้าถึง พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ อำนวยความสะดวกให้การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น อาทิ กล้องมองรอบคันในโหมด off-road ที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่มองเห็นสภาพพื้นผิวเส้นทาง และทัศนวิสัยรอบรถได้ครบ 360 องศา สามารถลุยไปได้ทุกพื้นที่ที่เกิดเหตุไฟป่า อย่างมั่นใจและปลอดภัย พร้อมเป็นผู้ช่วยสำคัญของทีมเหยี่ยวไฟ สำหรับทุกภารกิจ
นอกจากนี้ นิสสันยังได้มอบเครื่องเป่าลมแบตเตอรี่ (Battery Powered Blower) เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ดับและไล่ไฟป่า จำนวน 5 ชุด ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยการใช้ระบบพลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันเบนซิน ทำให้มีน้ำหนักเบา ปลอดภัย สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติภารกิจควบคุมไฟป่าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยและรวดเร็วขึ้น
ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟเชียงใหม่ ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่จำนวน 20 คน ที่นอกจากจะต้องดูแลพื้นที่กรมป่าไม้ทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเกิดไฟป่าปีละไม่ต่ำกว่า 1,305 ครั้ง แต่ละครั้งกินพื้นที่ไม่น้อยกว่า 20 ไร่ ทุกปีทีมเหยี่ยวไฟต้องปฏิบัติหน้าที่หลากหลายและทำงานอย่างหนักทั้งการเฝ้าระวัง ป้องกัน และปฏิบัติภารกิจประสานงานเพื่อดับไฟป่า รวมถึงการสนธิกำลังกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ต่าง ๆ ดูแลงานบรรเทาสาธารณภัย พร้อมทั้งอบรมให้ความรู้แก่ชาวบ้านเรื่องไฟป่าอีกด้วย
ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในแต่ละครั้ง คือ สภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นพื้นที่เขาสูงชันยากต่อการเข้าถึง ด้วยสมรรถนะของนิสสัน นาวารา PRO-4X กระบะที่สามารถบุกลุยไปได้ทุกเส้นทางจึงเหมาะสมสำหรับการเข้าถึงพื้นที่สมบุกสมบันได้อย่างรวดเร็ว เพื่อลดความรุนแรงและการลุกลามของไฟได้อย่างเร็วที่สุด พร้อมมีพื้นที่ใช้สอยในการขนส่งและบรรทุกอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน และยังขาดแคลนอุปกรณ์ที่ใช้ในการดับและสร้างแนวกันไฟ อีกทั้งอุปกรณ์ที่มีอยู่ก็มีประสิทธิภาพจำกัด เช่น เครื่องเป่าลมระบบน้ำมัน ที่จะสามารถใช้งานได้เพียงครั้งละ 2-3 ชั่วโมง และมีน้ำหนักมาก จึงส่งผลให้การปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่คล่องตัว จนบางครั้งก็ได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟ ทำให้การปฏิบัติภารกิจแต่ละครั้งใช้เวลานาน เฉลี่ย 5 ชั่วโมง – 2 วัน และบางภารกิจไม่สามารถดับไฟได้ตามเป้าหมาย
สำหรับ นิสสัน นาวารา PRO-4X กระบะกล้าเพื่อคนแกร่ง ที่นิสสัน ประเทศไทย ได้ทำการส่งมอบเพื่อใช้ในภารกิจ จำนวน 2 คันนั้น เป็นรถกระบะด้วยเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ และระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อีกทั้งช่วงล่างที่ปรับแต่งใหม่ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4×4 (4WD) ที่ใช้งานง่าย ลุยไปได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ผ่าน NissanConnect ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ ระบบนำทาง (Navigation system) หรือ แอปพลิเคชันฟังเพลงต่าง ๆ ผ่านหน้าจอเครื่องเสียงรถยนต์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และยังสามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน NissanConnect Service บนสมาร์ทโฟน เชื่อมต่อและดูข้อมูลของรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟน เติมเต็มการใช้งานได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยมีฟังก์ชั่นเด่น ๆ อาทิ การแสดงพิกัดรถยนต์ สถานะรถยนต์ การช่วยเหลือฉุกเฉิน และประวัติการขับขี่ เป็นต้น