“Scrambler Ducati Desert Sled Fasthouse” ลิมิเต็ด อิดิชั่น ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Scrambler Ducati กับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Fasthouse ในปี 2020 ซึ่งสามารถควงคู่สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จคว้าชัยชนะจากการแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากรายการ Mint 400 ในรุ่น Hooligan Open รายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากที่เก่าแก่ที่สุดและทรงเกียรติมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยตลอดการแข่งขันระยะทาง 400 ไมล์ หรือ 640 กิโลเมตร ตั้งแต่ออกสตาร์ทจากโรงแรม Mint 400 ลาสเวกัสจนถึงเลคทาโฮ่ สุดยอดนักขับมอเตอร์ไซค์วิบาก “Jordan Graham” ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก ด้วยสุดยอดลีลาในการขับขี่บนเส้นทางวิบากทะเลทรายและสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของ Scrambler Ducati ที่สามารถพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างไม่หวาดหวั่นฝ่าเส้นทางวิบากสุดหินนี้ไปได้อย่างคล่องแคล่วและเยี่ยมยอด เต็มไปด้วยความสนุกสนานและเร้าใจตลอดการแข่งขัน และแม้มาชมคลิปการแข่งขันย้อนหลังก็อยากดูซ้ำอีก
Scrambler Desert Sled Fasthouse ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบ L-TWIN ขนาด 803 cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบเกียร์ 6 สปีด ให้แรงม้าสูงสุดถึง 73 แรงม้า ที่ 8150 รอบ และแรงบิดสูงสุดถึง 66.2 นิวตันเมตร ที่ 5750 รอบ และมาพร้อมกับระบบวาล์ว Desmodromic ที่ดูคาติพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 1955 เพื่อแก้ปัญหาวาล์วลอยตัวในรอบสูงๆ ถือว่าเป็นตำนานที่โดดเด่นของดูคาติเลยทีเดียว ประกอบกับเฟรมถักสีแดงสะดุดตา น่าหลงไหล ยิ่งไปกว่านั้นมีป้ายสัญลักษณ์แสดงจำนวนที่ผลิตติดอยู่ที่เฟรมฝั่งขวาทำให้รถแต่ละคันจากจำนวนทั้งหมด 800 คัน มีความพิเศษเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น
การออกแบบเบาะนั่งใหม่ทำจากวัสดุพิเศษที่สามารถกันลื่นได้ ทำให้ผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งการขี่ที่สะดวกสบาย และรู้สึกปลอดภัยในทุกสถานการณ์ การออกแบบลวดลายบนถังน้ำมันนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากรถที่ “Jordan Graham” ได้รับชัยชนะจากการแข่งขัน โดยใช้สีดำด้านเป็นหลักและใช้สีเทาตัดเป็นลายเรขาคณิต พร้อมโลโก้กากบาท (X) สีแดงของ Scrambler Desert Sled วางคู่กับโลโก้ Fasthouse ที่ข้างถังน้ำมันอีกด้วย
บังโคลนหน้ายกสูง มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบหัวกลับขนาด 46 มิลลิเมตร มีระยะยุบตัวได้ถึง 200 มิลลิเมตร และระบบกันสะเทือนหลังสามารถปรับ Preload และ Rebound ได้ ถือได้ว่ามีดีเอ็นเอของความเป็นออฟโรดอยู่ทุกมุมมอง ควบคุมและหยุดรถได้ดั่งใจด้วยระบบเบรกหน้าใช้ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 330 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ Brembo แบบ 4 พอท และระบบเบรกหลังใช้ดิสก์ขนาด 245 มิลลิเมตร พร้อมด้วยคาลิปเปอร์ 1 พอท เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถรุ่นนี้ เท่านั้นยังไม่พอ Scrambler Desert Sled Fasthouse มาพร้อมกับความดุดันด้วยล้อและซี่ลวดสีดำ ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Pirelli SCORPION™ RALLY STR ออพชั่นแน่น แต่กลับมีน้ำหนักที่ไม่รวมของเหลวเพียง 193 กิโลกรัม เท่านั้น พร้อมความจุถังน้ำมันมากถึง 13.5 ลิตร
ในประเทศไทย “Scrambler Ducati Desert Sled Fasthouse” รุ่นนี้ยังมี Apparel ที่เป็นดีไซน์เฉพาะของรุ่นของตัวเอง โดยได้รับความร่วมมือจาก Fasthouse แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ในการออกแบบเสื้อยืดแขนสั้น เสื้อยืดแขนยาว แจ็คเก็ต และหมวกกันน็อค อีกด้วย
เรื่องราว “Land of Joy” ของรถจักรยานยนต์ในตระกูล Scrambler และโลกที่เต็มไปด้วยอิสรภาพ ความสุข และตัวตนที่แตกต่างในไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย สะท้อนจุดยืน “Be your own style” ตอบสนองสไตล์การขับขี่ของ ไรเดอร์หลากหลายรูปแบบ Scrambler เป็นรถจักรยานยนต์ที่วิ่งได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง หรือจะขับลุยแบบ Adventure ส่วนความสนุกของไรเดอร์ที่ชื่นชอบ Scrambler เพราะมีอุปกรณ์ตกแต่งมากมายสร้างสีสันความสนุกให้กับการขี่รถจักรยานยนต์ในแบบไม่เหมือนใคร ถือได้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว ให้ไรเดอร์ได้สะท้อนตัวตน สไตล์ และความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งความคล่องตัวของตัวรถ และความสนุกสนานในการใช้รถ รวมถึงราคาที่จับต้องได้
Scrambler เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์เรื่องราวมาอย่างยาวนาน Scrambler รุ่นแรกถูกผลิตขึ้นในปี 1962 และได้รับความนิยมอย่างมากในยุค 70 โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการกลับมาของ Ducati Scrambler ในยุคใหม่ราวปี 2014 นั้น ได้นำจิตวิญญาณกลิ่นอายความเป็น Scrambler ในยุคแรกเริ่ม มาปรับภาพลักษณ์ให้ดูโมเดิร์น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้น
ภาพลักษณ์ของรถจักรยานยนต์สไตล์วัยมันส์ที่สะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่แต่ละคนอย่างไม่ซ้ำกัน ทำให้เรื่องราวของ Scrambler มีความน่าสนใจและดึงดูดไรเดอร์ทั่วโลกจนกลายเป็น Community ที่มีความเหนียวแน่น ในขณะที่เทคโนโลยีการขับขี่เรียกได้ว่าจัดเต็ม โดยระบบวาล์ว Desmodromic อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Ducati นั้นมีอยู่ใน Scrambler ทุกรุ่น