เมื่อไม่นานมานี้ GWM ได้จัดงาน Technology Festival ครั้งที่ 8 ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองเป่าติ้ง โดยในพิธีเปิดงาน Jack Wei ประธานบริษัท GWM ได้เน้นย้ำว่า รถยนต์อัจฉริยะยุคใหม่ที่ใช้พลังงานสะอาดจะเป็นทิศทางใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ในการนี้ GWM วางแผนที่จะลงทุนมูลค่า 1 แสนล้านหยวนในด้านการวิจัยและพัฒนาตลอด 5 ปีข้างหน้า ทั้งในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และยานยนต์อัจฉริยะ เพื่อนำเสนอยานยนต์อัจฉริยะ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก
รายงานอย่างเป็นทางการระบุว่า ในด้านพลังงานใหม่นั้น แบตเตอรี่ “Dayu” ของ GWM สามารถป้องกันการเกิดเพลิงไหม้และการระเบิดเมื่อเซลล์ของระบบเคมีต่าง ๆ เกิดปัญหาความร้อนต่อเนื่อง (thermal runaway) จึงช่วยขจัดความกังวลของผู้ใช้เกี่ยวกับความปลอดภัยของยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนในด้านพลังงานไฮบริด GWM ได้เปิดตัวเทคโนโลยีไฮบริด L.E.M.O.N. DHT ทำให้สามารถสลับใช้น้ำมันกับใช้ไฟฟ้าได้ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ scene intelligence ซึ่งช่วยให้อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงสูงกว่า 50% ในการขับขี่ในพื้นที่เมือง และยิ่งมีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงสูงขึ้นเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง ส่วนในด้านพลังงานไฮโดรเจน GWM ได้พัฒนาตัวทำความสะอาดอากาศแคโทด (cathode) โดยมีกรองอากาศ 4 ชนิด เช่น ถ่านกัมมันต์และเส้นใยสังเคราะห์ เพื่อปกป้องเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งสามารถดูดซับและกรองสารที่เป็นอันตรายและรักษาอายุการใช้งานของระบบพลังงานเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนั้นยังมีระบบจัดการไฮโดรเจนที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง ซึ่งทำหน้าที่ติดตามความปลอดภัยของระบบ เพื่อรับประกันความปลอดภัยอย่างครอบคลุมรอบด้านทั้งรถและคน พร้อมทั้งยกระดับการทำงานของวาล์วและโครงสร้างท่อนำส่งในระบบจัดเก็บไฮโดรเจนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ GWM ยังสนับสนุนการพัฒนา “COFIS Intelligence” จาก 1.0 เป็น 2.0 โดยใช้เทคโนโลยีสถาปัตยกรรมอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า GEEP รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมทั้งโครงรถอัจฉริยะที่ควบคุมด้วยสายไฟซึ่งรองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ L4 พร้อมกับส่งเสริมการบูรณาการและการพัฒนาที่นั่งคนขับอัจฉริยะ การขับขี่อัจฉริยะ และบริการอัจฉริยะ ซึ่งช่วยให้ยานยนต์ของ GWM สามารถรองรับสถานการณ์กว่า 40 รูปแบบ เช่น พวงมาลัยของที่นั่งคนขับอัจฉริยะ iNest 2.0 สามารถเปลี่ยนให้อยู่ฝั่งซ้ายมือ ตรงกลาง หรือขวามือได้โดยสอดคล้องกับแผงหน้าปัด และที่นั่งสามารถปรับหมุนได้ 360 องศา จึงเอื้อต่อการประชุมได้ทุกเมื่อ นอกจากนั้นยังมีระบบความงามคอลลาเจนในรถ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่บริษัทบุกเบิกขึ้นเพื่อรองรับการบำรุงผิว ด้านระบบผลิตออกซิเจนติดตั้งบนรถก็ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับการใช้งานทั่วไปและทางการแพทย์ ส่วนสมรรถนะการเชื่อมต่อแบบ IOT ของ GWM ก็ช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างรถกับบ้าน การควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้านด้วยเสียง และอื่น ๆ ซึ่งช่วยสร้าง “ชีวิตบนรถ” ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้