“บอนเนวิลล์ ที 120” และ “บอนเนวิลล์ ที 120 แบล็ค” ปี 2021 ที่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ และเพิ่มความสามารถในการขับขี่ที่ง่ายดายทำให้บังคับรถได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงการอัพเกรดครั้งสำคัญ โดยมาพร้อมเครื่องยนต์สูบคู่แรงบิดสูง 1200ซีซี อันเป็นเอกลักษณ์ มีน้ำหนักเบาลงจากการใช้เพลาข้อเหวี่ยงที่เบาลงผสานเข้ากับคลัตช์ และเพลาบาลานเซอร์ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ ส่งผลให้แรงเฉื่อยนั้นลดลง ช่วยให้เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้มีการตอบสนองที่รวดเร็วและทันใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยให้แรงบิดสูงสุดถึง 105 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 3,500 รอบต่อนาที และกำลังสูงสุด 80 แรงม้า ที่ 6,550 รอบต่อนาที
ในด้านขีดความสามารถในการขับขี่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นด้วยเบรก Brembo พร้อมจานเบรกคู่ และคาลิปเปอร์เบรกคู่ แบบ 2 สูบรุ่นใหม่ที่สเปคสูงขึ้น ด้านความปลอดภัยและการควบคุมก็ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้รุ่นล่าสุด ผสานล้ออะลูมิเนียมรุ่นใหม่ ที่มีล้อหน้าขนาด 18 X 2.75 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 X 4.25 นิ้ว ตลอดจนน้ำหนักรถที่เบาลง 7 กิโลกรัมช่วยให้ Bonneville T120 มีความคล่องตัวขณะขับขี่และมีการบังคับรถดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ด้านเทคโนโลยีได้ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ควบคู่ไปกับโหมดการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นทั้ง Road และ Rain นอกจากนี้ยังมีระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรง ระบบป้องกันการโจรกรรม ช่องชาร์จไฟ USB ตลอดจนไฟหน้าเดย์ไลท์ LED สุดโดดเด่น
สำหรับรูปลักษณ์และสไตล์การตกแต่งมีการออกแบบให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งเรือนไมล์ทรงนาฬิกาคู่ มาพร้อมหน้าปัด 3D สุดพรีเมียมแบบใหม่ พร้อมโลโก้ Bonneville แบบดั้งเดิม จอแสดงผลดิจิทัลมัลติฟังก์ชันแสดงข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดที่สามารถควบคุมได้ผ่านปุ่มบนแฮนด์ที่ใช้งานได้สะดวกและง่ายดาย
ตัวถังเป็นทรงพิเศษตามแบบฉบับ Bonneville ที่มาพร้อมแผ่นรองเข่า พร้อมตราสัญลักษณ์ 3 ขีดที่ทำจากโลหะชุบโครเมียมแบบใหม่ ตลอดจนสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือกาลเวลาของ “บอนเนวิลล์ ที120” ด้วยชิ้นส่วนชุบโครเมียมระดับพรีเมียมติดอยู่รอบคัน ทั้งบนกระจก ตัวยึดบังโคลน ไฟเลี้ยว ท่อเก็บเสียง แฮนด์รถ กรอบไฟหน้า และฝาปิดถังน้ำมัน
โดยเบาะนั่งตกแต่งด้วยขอบสีตัดกัน และมาพร้อมโลโก้ Triumph ปั๊มนูน ในขณะที่ “บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค” มาพร้อมภาพลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้น มีการเก็บรายละเอียดด้วยการใช้ชิ้นส่วนสีดำสนิทสุดพรีเมียมหลากหลายจุด อาทิ ล้อ ฝาครอบเครื่องยนต์ กระจก กรอบไฟหน้า ไฟเลี้ยว และท่อไอเสีย รวมถึงเบาะนั่งยาวสีน้ำตาลที่สุดเรียบหรู พร้อมโลโก้ Triumph ปั๊มนูน นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังมีอุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์สำหรับตกแต่งรวมกว่า 116 รายการ ที่จะมอบประสบการณ์แต่งรถจักรยานยนต์ได้ตามสไตล์ต้องการเฉพาะตัวของผู้ขับขี่
โดย “บอนเนวิลล์ ที120” มาพร้อม 3 สีที่ดูดีมีสไตล์ให้เลือก ได้แก่ สี Jet Black สี Cordovan Red / Silver Ice และ Cobalt Blue /Silver Ice ซึ่งจะมาพร้อมเส้นตัดขอบสีทองที่วาดด้วยมือ สนนราคา 557,000 บาท ส่วน “บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค” มาพร้อม 2 สีเข้มดุดัน ได้แก่ สี Jet Black และ สี Matt Jet Black /Matt Graphite ที่ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้น พร้อมเส้นขอบตัดสีเงินวาดด้วยมือ สนนราคา 557,000 บาท