บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เร่งผลักดันการใช้รถยนต์พลังานไฟฟ้าในประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แถลงความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนาระบบการรับรองและมาตรฐาน EV Charging Station และเดินหน้าทยอยเปิดให้บริการสถานีชาร์จ MG SUPER CHARGE หลังบรรลุแผนติดตั้งสถานีชาร์จที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศแล้วเสร็จจำนวนทั้งสิ้น 108 แห่ง พร้อมเดินแผนขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก 500 แห่งภายในปีนี้
เอ็มจี ถือเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ให้ความสำคัญกับสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Ecosystem) ของประเทศไทย โดยได้เดินหน้าแผนงานด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อน ประเทศไทยให้เข้าใกล้สังคมยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด รวมทั้งการสนับสนุนและทำงานร่วมกับหน่วยงานของทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อให้สังคมยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมามีการลงนามความร่วมมือกับ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ในการร่วมกันขยายจุดชาร์จไฟเพื่อรองรับปริมาณยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการร่วมกันส่งเสริมและสร้างสรรค์สังคมยานยนต์ไฟฟ้าให้มีความแพร่หลาย โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงด้านการพัฒนาระบบการรับรองและมาตรฐานสำหรับ EV Charging Station ผ่านการทดสอบสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี หรือ MG SUPER CHARGE เพื่อให้เป็นต้นแบบในการศึกษาวิจัยและใช้งานสถานีชาร์จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดมาตรฐานที่เป็นหนึ่งเดียวกันให้กับระบบการชาร์จไฟฟ้าของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยถึงความคืบหน้าของแผนงานการขยายสถานีชาร์จของเอ็มจีที่ประกาศไว้ เมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้บรรลุแผนระยะที่ 1 มีการติดตั้งสถานีชาร์จ จำนวน 108 สถานีที่โชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มจีเรียบร้อยแล้ว โดยมีความพร้อมเปิดให้บริการแล้ว 67 สถานี ซึ่งราคาค่าบริการในช่วง Off Peak* จะอยู่ที่ 6.5 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และในช่วงเวลา Peak จะอยู่ที่ 7.5 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง พร้อมเดินหน้าสู่แผนระยะที่ 2 ในการติดตั้งสถานีชาร์จอีก 500 จุดทั่วประเทศด้วยงบลงทุนมูลค่า 500 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับสถานีชาร์จ และเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าด้วยจำนวนสถานีชาร์จที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”
MG SUPER CHARGE ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดที่ใช้งานง่าย ลูกค้าสามารถใช้เครื่องชาร์จได้ด้วยตัวเอง โดยสามารถตรวจสอบเวลาการทำงานและความพร้อมใช้งานของ MG SUPER CHARGE ค้นหา จอง และเติมเงินก่อนเริ่มชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้จากโทรศัพท์มือถือผ่านแอพพลิเคชั่น i-SMART ซึ่งลูกค้าสามารถดาวน์โหลดเวอร์ชั่นใหม่ของ i-SMART ได้แล้วตั้งแต่วันนี้