เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของค่ายนิสสันในการจัดทดสอบ Navara ใหม่ ซึ่งครั้งนี้เลือกจุดหมายอยู่ที่เขาแด่นจังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยสามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้ชัดเจน สามารถเดินทางไปกลับจากกรุงเทพฯได้สบายๆภายใน 1 วันเหมาะสำหรับยุค covid แบบนี้
ถึงจะอยู่ไม่ไกลแต่เส้นทางที่ต้องใช้เพื่อไปให้ถึงจุดหมายนั้นค่อนข้างโหดพอสมควร ตอนแรกคิดว่าไม่ต้องถึงกับใช้เกียร์ 4L แต่พอถึงเส้นทางที่อยู่บนภูเขาก็จำเป็นต้องใช้เพราะมีอุปสรรคเป็นหินก้อนเล็กก้อนใหญ่อยู่ในเส้นทางตลอด อีกทั้งถนนกลายเป็นร่องน้ำในช่วงหน้าฝนด้วยทำให้หินบางก้อนโดนกัดเซาะลอยตัวขึ้นมา ถ้ารถช่วงล่างไม่ดีจริงก็คงจะผ่านเส้นทางแบบนี้ได้ยาก
หากเป็นเมื่อก่อน Navara คงจะผ่านได้ยากเพราะตัวขับ 2 กับขับ 4 ความสูงแทบไม่ต่างกัน แต่พอเป็น Navara ใหม่ในตัว Pro 4x นั้นจะมีตัวถังสูงขึ้นกว่าเดิม 50 มม. อีกทั้งยังได้ยกได้ทองให้สูงขึ้นอีก 10 มม. ขณะที่กระบะท้ายจะสูงขึ้น55มม.
การปรับเปลี่ยนของนาวาร่ามีทั้งฝากระโปรงหน้าที่มีการลบสันลงเพื่อให้คนขับมีวิสัยทัศน์ที่ดีขึ้น กระจังหน้าปรับเปลี่ยนใหม่รวมไปถึงกันชนหน้าและแผงกันกระแทกใหม่ ส่วนไฟหน้าจะเป็น LED 4 ดวงที่ดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกับไฟตัดหมอกก็เป็นแอลอีดีเช่นกัน ระบบไฟหน้าเป็นแบบ LED คุณภาพสูง 4 ดวงพร้อมไฟ Day Time Running Light
ในรถรุ่นนี้จะได้กระจกตอนหลังแบบกรองแสงมาให้ ส่วนบันไดข้างก็มีการออกแบบใหม่ ไฟท้ายรูปตัวซีใหม่ กระบะท้ายถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยฝาท้ายจะมีระบบผ่อนแรงตอนเปิด-ปิดทำให้ลดการกระแทกและเปิดได้เบามือขึ้น ส่วนกันชนท้ายถูกออกแบบมาให้เป็น 2 ชั้นทำให้ขึ้นลงได้สะดวก โดยชั้นล่างจะต่ำลงมา 17 เซนติเมตรอีกทั้งยังพ่นสีกันชนท้ายให้เป็นสีเดียวกันกับตัวรถเพื่อทำให้ดูกลมกลืนกันมากขึ้น
บางครั้งในการขนสัมภาระอาจจะไม่สะดวกเมื่อจุดยึดอยู่ในตำแหน่งที่สูงแต่ในนาวาร่าใหม่จะออกแบบจุดยึด 4 จุดให้ต่ำลงมาจึงสามารถรองรับสัมภาระได้ทั้งชิ้นเล็กและชิ้นใหญ่ ส่วนรุ่น Pro 4x ก็ยังได้ติดตั้งรางติดตะขอยึดเพิ่มขึ้นมาแบบรางเลื่อนอีก ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นในการใช้งาน
สิ่งที่ต่างไปจากรุ่นปกติก็จะมีทั้งกันชนหน้าแบบออฟโรด กระจังหน้าเป็นสีดำ มือเปิดประตูก็จะเป็นสีดำเงา โป่งล้อสีดำ ราวหลังคาเป็นสีดำและมีสติ๊กเกอร์ Pro 4xติดเอาไว้ตรงด้านข้างของกระบะ ส่วนล้อจะเป็นแบบออฟโรดขนาด 17 นิ้วพร้อมยางแบบ All- Terrain ให้มาพร้อมในการลุย
ยามเมื่ออยู่บนถนนก็เดินทางได้อย่างสบายกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตรทวินเทอร์โบที่ให้กำลัง 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500 ถึง 2,500 รอบต่อนาที เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่รองรับน้ำมันได้ถึง b20 ตรงด้านบนของเครื่องยนต์ก็จะมีฝาครอบที่ออกแบบมาให้เป็นฉนวนในตัวทำให้เก็บเสียงได้เงียบขึ้นกว่าเดิม
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดทำให้รองรับแรงบิดแบบ Flat torque ได้อย่างลงตัว การส่งกำลังทำได้อย่างต่อเนื่องที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะอยู่ที่ 1,750 รอบต่อนาทีจึงอยู่ในช่วงที่มีแรงบิดสูงอยู่แล้วทำให้อัตราเร่งดีในรอบต่ำรวมถึงได้ความประหยัดมากยิ่งขึ้น
เมื่อเข้าสู่โหมดของการลุยแรงบิดในรอบที่ต่ำของเครื่องยนต์ทำให้ไม่ต้องเหยียบคันเร่งเยอะสิ่งที่ตามมาคือลดอาการเมารถไปได้ แต่ก่อนจะลุยก็ต้องปรับระบบขับเคลื่อนกันก่อนหากเป็น 2H เป็น 4H หรือ4Hเป็น 2H ก็ไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสามารถหมุนปุ่มเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนได้เลย แต่ถ้าเป็น 4Lก็จะต้องหยุดรถใส่เกียร์ว่างจึงจะเปลี่ยนได้โดยมีไฟโชว์บนแผงหน้าปัดเมื่อระบบทำงาน
การลุยบนเส้นทางโหดๆก็ต้องยอมรับว่าระบบช่วงล่างของ Navara นุ่มสบายจากการปรับระบบกันสะเทือนให้เหมาะกับการโดยสารของรถ 4 ประตู โดยมีการปรับปรุงโช๊คอัพให้เพิ่มความนุ่มนวลเมื่อใช้งานบนถนนขรุขระ เพิ่มความแข็งแรงของยางรองหัวเก๋งทำให้นุ่มนวลและเงียบขึ้น
ในการลุยเกียร์จะค้างอยู่ที่เกียร์ 3 ทำให้ได้ความนุ่มนวลเป็นอย่างดีลดอาการกระชากไปได้เยอะ การปรับปรุงระบบกันสะเทือนที่ส่งผลให้ใต้ท้องสูงขึ้นทำให้การผ่านอุปสรรคทำได้ง่าย โดย Nissan ยังคงวางแหนบเอาไว้ใต้เพลาเพื่อให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำอีกทั้งมีความโดดเด่นในเรื่องของการทรงตัวที่ดีด้วย
ช่วงที่ต้องขับบนเส้นทางขรุขระมีหินลอยอยู่เป็นจำนวนมากการหักเลี้ยวกระทันหันจึงต้องทำกันบ่อยแต่ก็ได้พวงมาลัยหุ้มหนังวงเล็กที่ทาง Nissan ปรับปรุงใหม่ช่วยให้มีน้ำหนักเบาลง 15% จึงเลี้ยวรถในความเร็วต่ำได้สบายขึ้น รวมถึงการปรับอัตราทดพวงมาลัยให้ทำงานฉับไวขึ้นโดยลดเหลือ 3.4 รอบจาก 4.1 รอบก็ทำให้การควบคุมทำได้ง่ายขึ้น
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ที่ออกแบบมารองรับกระดูกสันหลังได้เป็นอย่างดี ช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อเดินทางไกล มีผิวสัมผัสที่ดีขึ้นและยังดูเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ส่วนเบาะหลังจะมีพนักพิงที่อยู่ในองศาพอดีทำให้นั่งนานๆได้สบาย อีกทั้งยังมีที่วางแขนพับเก็บซ่อนไว้ในพนักพิง โดยมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทางด้านหลังมาให้ รวมถึงช่องเสียบ USB เอาไว้สำหรับชาร์จโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน