โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัวโรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ เจเนอเรชั่นใหม่ หลังเจเนอเรชั่นแรกทำตลาดมานาน 1 ทศวรรษ ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ทั้งการออกแบบและวิศวกรรมอันงดงามดุจงานศิลป์ ผสานบุคลิกที่ดูถ่อมตนและเรียบง่าย กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 117 ปีของบริษัท ช่วยเพิ่มศักยภาพการลงทุน ขยายการผลิต และขับเคลื่อนแบรนด์ โรลส์-รอยซ์ สู่จุดสูงสุดแห่งความหรูหราของยนตรกรรมระดับโลก
โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม เรียกว่า ‘สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา’ (Architecture of Luxury) อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ โรลส์-รอยซ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลทฟอร์มให้กับยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ รุ่นใหม่ทุกรุ่น โครงสร้างสเปซเฟรมที่เบา ยืดหยุ่น แต่แข็งแกร่ง ปรับใช้ได้กับรถหลายขนาด ทำให้ ‘โกสต์’ มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมดุล 50-50 ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพ การขับเคลื่อนในทุกสภาพเส้นทาง ตัวถังอะลูมิเนียมเชื่อมด้วยมือ เป็นเสมือนผ้าใบวาดภาพผืนใหญ่ มองแล้วลื่นไหลต่อเนื่อง ชวนให้นึกถึงรถโค้ชบิลต์เช่น ‘ซิลเวอร์ ดอว์น’ และ ‘ซิลเวอร์ คลาวด์’ ขณะที่สัญลักษณ์นางฟ้า หรือ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ก็เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ถูกล้อมกรอบบริเวณฐาน เพิ่มความโดดเด่นให้นางฟ้าบนฝากระโปรง ดุจกำลังลอยอยู่กลางทะเลสาบ
เมื่อมองจากด้านข้าง ก็เห็นลายเส้นเดี่ยว ลากยาวไปตามตัวถัง ขณะที่เส้นโค้ง ‘waft line’ ด้านล่างถูกหยิบยืมมาจากการออกแบบเรือ ผสานเทคนิคเรื่องการตกกระทบของแสง ช่วยให้พื้นผิวดูสว่างขึ้น
รูปทรงของไฟท้ายที่แทบจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ได้กลายเป็นหลักของการออกแบบร่วมสมัยของโรลส์-รอยซ์ ซึ่งรูปทรงนี้ยังคงอยู่ แต่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยด้วยการเอียงมาข้างหน้าเล็กน้อย และเนื่องจากรอยต่อรอบไฟได้หายไป จึงทำให้ไฟท้ายดูเหมือนเป็นเกาะที่ได้รับการแต่งแต้มสีสัน ลอยเด่นอยู่บนผิวรถ
เทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ ทั้งในเมืองและชนบท ประกอบด้วยไฟหน้าเลเซอร์ที่มีระยะส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร และการปรับปรุงด้านความปลอดภัยที่สำคัญ อาทิ ระบบเสริมทัศนวิสัยที่มาพร้อมระบบแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางทั้งกลางวันและกลางคืน ระบบเตือนผู้ขับหลับใน (alertness assistant) กล้อง 4 ตัว แสดงมุมมองรอบรถและมุมจากด้านบน
การแสดงข้อมูลสะท้อนบนกระจกหน้า ด้วยความละเอียดสูงสุดในอุตสาหกรรม ระบบจอดอัตโนมัติ และอื่นๆ ช่วยเพิ่มมั่นใจสูงสุดในทุกสภาวะ
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้กับรุ่น ‘โกสต์’ โดยเฉพาะ ให้กำลัง 563 bhp แรงบิด 850 นิวตันเมตร ช่วยให้ยนตรกรรมพิกัดกว่า 2 ตัน มีอัตราเร่งทันใจในทุกสถานการณ์ แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ซึ่งสูงกว่ารอบเดินเบาประมาณ 600 รอบ/นาที เท่านั้น รวมถึงมีการปรับแต่งท่อไอดีใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเล็ดลอดสู่ห้องโดยสาร
ทีมออกแบบ Bespoke Collective ที่ประกอบด้วยนักออกแบบ วิศวกร และช่างศิลป์ได้รังสรรค์แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) สำหรับ ‘โกสต์’ ที่ดูเข้ากันกับเพดานห้องโดยสาร ‘สตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์’ แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) ปรับแต่งให้มีสีสันเข้ากับแสงของนาฬิกาและมาตรวัดในห้องโดยสาร ติดตั้งท่อนำแสงหนา 2 มม. พร้อมเจาะรูขนาดเล็กด้วยเลเซอร์กว่า 90,000 ช่อง บนแดชบอร์ด เพื่อทำให้คำว่า ’Ghost’ มีความสว่างอย่างทั่วถึง ภายใต้แอลอีดี 152 ดวง ล้อมรอบด้วยหมู่ดาว 850 ดวง เปล่งประกายระยิบระยับ ทั้งหมดถูกซ่อนไว้ขณะดับเครื่องยนต์ ภายใต้วัสดุคอมโพสิต 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นพื้นสีดำ Piano Black ที่ผ่านการเจาะรูด้วยเลเซอร์ เพื่อให้แสงส่องผ่านคำว่า ‘Ghost’ และกลุ่มดาว จากนั้นพ่นทับด้วยแลคเกอร์ทึบ และแลคเกอร์ขุ่นในชั้นสุดท้าย พร้อมขัดแต่งด้วยมืออย่างประณีต เหลือเพียงชั้นแลคเกอร์บางเฉียบ 0.5 มม. พร้อมความเงางามฉ่ำลึก
นับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกเบาะนั่งด้านหลังแบบ ‘Serenity Seat’ ปรับเอนได้ตามต้องการ นับเป็นมิติใหม่ของความสะดวกสบาย คล้ายห้องโดยสารของเครื่องบินชั้นธุรกิจ มาพร้อมตู้แช่แชมเปญที่สามารถกำหนดอุณหภูมิได้ 2 โหมด คือ 6 และ 11 องศาเซลเซียส สำหรับแชมเปญยุคใหม่ และแชมเปญวินเทจตามลำดับสีเคลือบผิวไม้ 2 สีใหม่ พัฒนาสำหรับ ‘โกสต์’ คือ Obsidian Ayous ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความหลากหลายของสีที่พบในหินลาวา และ Dark Amber ที่ผสานอนุภาคอะลูมิเนียมละเอียดแทรกอยู่ในลายไม้ โดยทั้ง 2 สี สามารถเลือกเป็นแบบ (Open Pore) เพื่อเผยให้เห็นถึงผิวสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติ
ความเงียบสงบเป็นผลจากโครงสร้างอะลูมิเนียมที่มีค่าความต้านทานคลื่นเสียง (acoustic impedance) สูงกว่าเหล็ก การทำผนังห้องเครื่องและพื้นรถ 2 ชั้น แทรกกลางด้วยวัสดุซับเสียง ขณะที่ประตู หลังคา และจุดอื่นๆ ติดตั้งวัสดุซับเสียง น้ำหนักรวมกว่า 100 กิโลกรัม ทว่าความเงียบสงัดอาจทำให้รู้สึกอึดอัด วิศวกรจึงสร้างโทนเสียงความถี่ต่ำ เรียกว่า ‘เสียงกระซิบ’ (whisper) พร้อมปรับแต่งอุปกรณ์ตามจุดต่างๆ ให้มีเสียงสะท้อนในความถี่เดียวกัน ช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด
ห้องโดยสารของ ‘โกสต์’ ติดตั้งระบบฟอกอากาศ MEPS (Micro-Environment Purification System) ประกอบด้วยเซนเซอร์ความไวสูง เพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศโดยอัตโนมัติ หากตรวจพบสิ่งปนเปื้อน ก็จะผันอากาศสู่ไส้กรองนาโนฟลีซ ที่สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนอนุภาคขนาดเล็กจากห้องโดยสาร ภายในเวลาต่ำกว่า 2 นาที
ช่วงล่างถุงลม โครงสร้างด้านหน้า-หลัง ดับเบิลวิชโบน และไฟว์-ลิงค์ (five-link) ตามลำดับ ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง ความนุ่มนวลของช่วงล่างดุจพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) อันเป็นเอกลักษณ์ ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น กับเทคโนโลยี ‘Planar Suspension System’ ที่ใช้ผ่านการทดสอบและพัฒนาร่วม 10 ปี เพื่อสร้างประสบการณ์ขับอันนุ่มนวล
เหมือนกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน ซึ่งไม่เคยมีผู้ผลิตยานยนต์รายใดทำได้ ระบบดังกล่าว เป็นการผสมผสานกันระหว่างการพัฒนาโครงสร้างทางวิศวกรรม เข้ากับซอฟท์แวร์อันทันสมัย นับเป็นครั้งแรกในโลก ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ดูดซับแรงสะเทือนเหนือปีกนกตัวบนของช่วงล่างหน้า (Upper Wishbone Damper) ช่วยเพิ่มความมั่นคงและนุ่มนวลในการขับ ทำงานร่วมกับระบบ Flagbearer เป็นกล้องคู่ สแกนพื้นถนนด้านหน้า และปรับช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนน ผสานระบบเกียร์เชื่อมต่อกับดาวเทียม (Satellite Aided Transmission) ที่สามารถปรับจังหวะเกียร์ ให้ลงตัวกับเส้นทางมากที่สุด
โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ เจเนอเรชั่นใหม่ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี ผสานดูแลโดยทีมช่างผู้ชำนาญ ที่ผ่านการรับรองจาก โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส รวมถึงอัพเกรดซอฟท์แวร์ฟรีตลอดอายุการใช้งาน และมั่นใจได้กับราคาขายต่อที่เป็นมาตรฐาน
โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ ราคาเริ่มต้น 32.7 ล้านบาท
โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ Extended ราคาเริ่มต้น 36.8 ล้านบาท
ข้อมูลเชิงเทคนิคRolls-Royce Ghost
ขนาด
ยาว 5,546 มม.
กว้าง 2,148 มม.
ความสูง (ขณะไม่บรรทุก) 1,571 มม.
ระยะฐานล้อ 3,295 มม.
น้ำหนัก (ขณะไม่บรรทุก) 2,490 กก.
เครื่องยนต์
ความจุ (ลิตร) / กระบอกสูบ / วาล์ว 6.75 / 12 / 48
ระบบเชื้อเพลิง เบนซิน
แรงม้า 563 bhp ที่ 5,000 รอบ/นาที
แรงบิด 850 นิวตันเมตร ที่ 1600 รอบ/นาที
สมรรถนะ
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 4.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. (จำกัดความเร็ว)
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.2-15.7 ลิตร/100 กม.
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 347-358 กรัม/กม.