The New Audi RS Q3 Sportback quattro เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัด (Sport Compact SUV Coupé) ที่มีสมรรถนะสูง หล่อเข้มดุดัน ด้วยชุดตกแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS ตกแต่ง Audi Ring และชื่อรุ่นด้วยสี Glossy Black คาลิปเปอร์เบรกสีแดง กระจังหน้าลายรังผึ้งขนาดใหญ่สีดำเงา กันชนรูปทรงบูมเมอแรงที่ออกแบบมาพิเศษเฉพาะ ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความสนุก แต่มีความปลอดภัยในการใช้งาน ไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED ที่ให้แสงสว่างคล้ายแสงธรรมชาติในเวลากลางวัน ผสานการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และกล้องด้านหน้ารถที่จะตรวจจับความเคลื่อนไหวของรถคันอื่นบนท้องถนน และพร้อมที่จะปรับลดการส่องสว่างของหลอดไฟ LED แต่ละดวงเพียงเสี้ยววินาที เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนสายตาผู้ขับขี่รถยนต์คันที่อยู่ด้านหน้าหรือคันที่วิ่งสวนมา
เสริมสร้างความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีไฟท้ายแบบ LED นวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีแสงสว่างที่มีประสิทธิภาพความแม่นยำสูง ไม่เกิดเงาและแสงสะท้อน ออกแบบในลักษณะ 3 มิติ เห็นได้อย่างชัดเจน ไฟหน้า-หลังเพิ่มระบบไฟวิ่งแบบไดนามิกทำให้ดูโดดเด่น สะดุดตาเมื่อเวลาเปิดไฟเลี้ยวหรือไฟฉุกเฉิน
สำหรับ สำหรับ The New Audi RS Q3 Sportback quattro นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนความสำเร็จของ Audi Sport GmbH ด้วยการออกแบบที่แตกต่าง ถ่ายทอดประสบการณ์การขับขี่เสมือนอยู่ในสนามแข่ง ขณะที่เมื่อใช้ในชีวิตประจำวันก็ขับสนุกไม่แพ้รถสปอร์ต ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 5 สูบ แถวเรียงในตำนาน พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection) เทอร์โบชาร์จ ซึ่งได้แรงบันดาลใจอันแรงกล้ามาจากสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ต เทอร์โบ (2.5 ลิตร 20 วาล์ว) ที่ได้รับรางวัล International Engine of the Year Award ติดต่อกันถึง 9 ครั้ง ให้กำลัง 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 480 นิวตันเมตร 1,950 – 5,850 รอบต่อนาที อัตราเร่งที่เหลือร้าย 0 ถึง 100 กม. / ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เกียร์ S tronic 7 จังหวะ ผสมผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ quattro เพิ่มแรงดึง แรงฉุดกระชาก ผ่านล้อทั้ง 4 ล้อโดยอิสระ ทำให้เสถียรภาพในการขับขี่ยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถแบบไดนามิก เสริมสร้างความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น (อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10.8 กิโลเมตร/ลิตร การปล่อย CO2 214 g/km*) *ข้อมูลเกี่ยวกับการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อย CO2 ตลอดจนระดับประสิทธิภาพในแต่ละช่วงขึ้นอยู่กับขนาดยางและล้ออัลลอยที่ใช้
ความโดดเด่นใน The New Audi RS Q3 Sportback quattro สปอร์ตคูเป้สุดโหดแห่ง พ.ศ.นี้ ที่เชื่อมั่นว่าจะถูกใจและสะใจขาซิ่งไปตามๆ กัน คือ Optimum power delivery กับเสียงคำรามสุดดุดันของเครื่องยนต์ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เกิดจากการปรับแต่งระบบท่อไอเสียใหม่ ช่วงล่างแบบ RS sports ถูกตั้งค่าให้มีคาแรคเตอร์ของการขับขี่แบบสปอร์ต ลดความสูงตัวถังลง 10 มิลลิเมตร ด้านหน้าแบบ McPherson ด้านหลังแบบ Four-link ชุดแต่ง Black Edition ประกอบด้วย ตกแต่งกันชนหน้า-หลังด้วยสีดำเงา กระจกมองข้าง ขอบประตู และโลโก้หน้า-หลังสีดำ ทำให้รถดูสปอร์ต ดุดัน แฝงไปด้วยสีสันไว้อย่างลงตัว
The New Audi RS Q3 Sportback quattro เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ไม่เพียงถูกออกแบบให้มอบประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะตามแบบฉบับของรถสปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยังให้ความสะดวกสบาย ความคล่องตัว ภายในห้องโดยสารตกแต่งชุดลาย Carbon Twill เบาะนั่งสีดำคู่หน้า แบบ RS Sports ตกแต่งแบบ honeycomb หุ้มหนัง Fine Nappa พร้อมประทับตราสัญลักษณ์ RS บริเวณพนักพิงหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้ม Alcantara แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ RS และ Paddle shift พิเศษสำหรับ RS Q3 เข็มขัดนิรภัยตกแต่งด้วยขอบสีแดง ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ ลำโพง 15 ตำแหน่ง กำลังขับ 680 วัตต์ หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เบาะด้านหลังสามารถพับเพื่อขยายพื้นที่การใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ พื้นที่เก็บสัมภาระจุได้ถึง 1,400 ลิตร
Audi Virtual Cockpit plus สามารถตอบสนองการใช้งานให้ผู้ขับขี่เลือกดูข้อมูลที่เหมาะสมแต่ละสถานการณ์ ผ่านจอ LCD ความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูข้อมูลที่เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม “view” บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันเมื่อเลือกมุมมองแบบ “classic” แสดงผลมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่อง หรือแบบ “infotainment” แบบ 3 มิติที่มีรายละเอียด รวมถึงมีหน้าจอรูปแบบ RS ที่แสดงผลในแบบสปอร์ตเช่นเดียวกันกับมาตรวัดของรถแข่ง มาพร้อมกับหน้าจอ MMI Navigation plus with MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว
The New Audi RS Q3 Sportback quattro มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ลาย 5-V-spoke polygon มีสีให้เลือกถึง 8 สี คือ Glacier white, Mythos black, Daytona grey, Nardo grey, Pulse orange, Turbo blue, Kyalami green และTango red สำหรับราคาที่เหนือความคาดหมาย คือ 4,750,000 บาท และเพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกหลากหลาย ตามนโยบาย Product Variety