เสียงผิดปกติขณะขับรถมีที่มาได้จากหลาย ๆ จุดในรถยนต์ เพราะในรถยนต์จะเต็มไปด้วยชื้นส่วนที่ต้องหมุนต้องเคลื่อนที่อยู่มากมาย และการเคลื่อนที่เหล่านั้นก็มักจะมีการเสียดสีกันอยู่เสมอ แต่จุดที่มักจะเกิดการเสียดสีจนมีเสียงดังน่ารำคาญมาก ๆ และมักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็คือ เสียงการเสียดสีกันของพูเล่กับสายพานหน้าเครื่อง โดยเฉพาะกับรถเก่าที่ผ่านการใช้งานมานานหลายปี
หน้าที่ของเจ้าสายพานหน้าเครื่องในรถยนต์นั้น ก็คือการถ่ายทอดกำลังบางส่วนจากพูเล่ของเครื่องยนต์ไปขับเคลื่อนอุปกรณ์อื่น ๆ อาทิ ปั๊มน้ำหล่อเย็นของระบบระบายความร้อน เจนเนอร์เรเตอร์สำหรับจ่ายไฟฟ้าและชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ คอมเพรสเซอร์แอร์เพื่อสร้างความเย็นให้ระบบปรับอากาศ ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ของระบบบังคับเลี้ยว และสำหรับในรถรุ่นเก่า ๆ ยังใช้หมุนพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำด้วย แต่ในรถรุ่นใหม่จะเปลี่ยนมาใช้พัดลมไฟฟ้ากันหมดแล้วเพื่อลดภาระของเครื่องยนต์
จะเห็นได้ว่าสายพานหน้าเครื่องต้องรับหน้าที่ขับเคลื่อนอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นเมื่อผ่านการใช้งานไปหลาย ๆ ปีตัวสายพานที่ทำจากส่วนผสมของยางกับผ้าใบหรือเส้นลวด ต้องเจอะทั้งแรงดึงเพื่อให้สายพานมีความตึงและความร้อนในห้องเครื่องอยู่ตลอด ก็จะเริ่มมีอาการหย่อนยานและเนื้อยางแข็งและปริแตก จนทำให้เกิดอาการลื่นเพราะหน้าสัมผัสของสายพานไม่สามารถยึดเกาะกับผิวของพูเล่ที่เป็นโลหะได้ดี และทำให้เกิดเป็นเสียงดัง “เอี๊ยด ๆ” ขึ้นขณะเครื่องยนต์ทำงาน เสียงดังของสายพานนี้อาจจะเกิดได้ทั้งใช้ช่วงแรกของการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วก็เงียบหายไป หรืออาจจะเกิดตอนขับรถไปสักพักแล้วดังขึ้นก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนเสียง “เอี๊ยด ๆ” จากสายพานหน้าเครื่องนี้ก็เป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนว่า ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องเส้นใหม่แล้ว
โดยปกติผู้ผลิตรถยนต์จะกำหนดระยะทางหรือเวลา ในการเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องมาให้โดยดูได้จากคู่มือประจำรถ แต่ระยะเวลานี้ก็ไม่ใช่กำหนดตายตัว เพราะการเสื่อมสภาพของสายพานหน้าเครื่อง อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ดังนั้นนอกจากต้องเปลี่ยนตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนดแล้ว เจ้าของรถก็ครวจะใช้หูฟังเสียงที่ผิดปกติและสายตามองดูว่า สายพานหน้าเครื่องมีอาการปริแตกหรือไม่ ถ้าเห็นว่ามีการแตกของเนื้อยาง ก็ควรจะเปลี่ยนสายพานเส้นใหม่เลยไม่ต้องรอให้ถึงกำหนด และควรเลือกใช้อะไหล่ของแท้ด้วย เพราะถ้าใส่ของเทียมที่ไม่ได้คุณภาพคือเนื้อยางมีความแข็งมากเกินไป ก็จะทำเกิดการลื่นและมีเสียงดังได้เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง ทำให้ต้องเสียเงินเสียเวลาไปเปลี่ยนใหม่อีก
ในการแก้ไขเสียงดังของสายพานหน้าเครื่อง บางคนอาจจะใช้สเปรย์ไล่ความชื้นมาฉีดบนสายพาน วิธีนี้ก็ช่วยให้เสียงดังเงียบลงได้แต่อีกไม่นานก็จะดังขึ้นมาอีก และถ้ายังใช้วิธีนี้เพื่อลดเสียงดังต่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุดเมื่อสายพานหน้าเครื่องขาดก็จะทำให้เกิดความเสียหายอื่น ๆ ตามมาได้อีกหลายอย่าง อาทิ สายพานที่ขาดอาจถูกเหวี่ยงไปฟาดใบของพัดลมระบายความร้อนแตก(สำหรับเครื่องแบบวางตามยาว) เครื่องยนต์มีความร้อนขึ้นสูงเพราะปั๊มน้ำหล่อเย็นไม่ทำงาน ไฟไม่ชาร์จ แอร์ไม่เย็น พวงมาลัยหนัก เป็นต้น
ส่วนในกรณีที่เป็นรถใหม่หรือเพิ่งจะเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องมาใหม่แล้วมีเสียงดัง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการปรับความตึงของสายพานหน้าเครื่องที่น้อยเกินไป ทำให้สายพานหย่อนจึงทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งแก้ไขได้ง่าย ๆ โดยการปรับลูกรอกดันสายพายให้มีความตึงตามที่โรงงานกำหนด แต่ถ้าปรับตั้งแล้วก็ยังมีเสียงดังไม่หายก็ต้องไปดูที่ตัวลูกปืนตามจุดต่าง ๆ ทั้งในลูกรอกดันสายพาน คอมแอร์ ปั๊มน้ำ ปั๊มเพาเวอร์ เจนเนอร์เรเตอร์ ด้วยว่าฝืดหรือแตกหรือไม่ ซึ่งอาการฝืดของลูกปืนชิ้นส่วนเหล่านี้ จะส่งผลให้สายพานเคลื่อนที่ได้ยากจนมีเสียงดังได้เช่นกัน