นิสสันเผยวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เมืองแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ภายในงานประชุมเชิงวิชาการและนิทรรศการเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้านานาชาติ ครั้งที่ 5 หรือ iEVTech 2020 จัดโดยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย
ราเมช นาราสิมัน ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เผยถึงบทบาทของนิสสันในการขับเคลื่อนวงการยานยนต์ไฟฟ้าของไทย โดยชูประเด็นด้านความพร้อมของผู้บริโภคชาวไทย และบทบาทของนิสสันในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของผู้บริโภค ระหว่างการอภิปรายภายใต้หัวข้อ “ยกระดับยานยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่โลกแห่งอนาคต”
“นิสสันในฐานะผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เชื่อว่าเรามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยและในภูมิภาค พร้อมตั้งเป้าในการเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในเอเชียและโอเชียเนีย โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การสร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ไร้มลพิษ” ราเมช กล่าว
ด้วยประสบการณ์ของนิสสันในแวดวงรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 70 ปี และในฐานะผู้นำระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นิสสันมุ่งมั่นเสริมทัพพอร์ตโฟลิโอด้วยยนตรกรรมที่มาพร้อมเทคโนโลยี EV ที่หลากหลาย ทั้ง ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ อาทิ นิสสัน ลีฟ ใหม่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่จำหน่ายเชิงพาณิชย์ และนิสสัน อริยะ ใหม่ ครอสโอเวอร์อัจฉริยะพลังงานไฟฟ้าและที่สุดของไอคอนแห่งนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี
พร้อมกันนี้ นิสสันยังได้ปฏิวัติวงการยานยนต์ในประเทศไทย เปิดตัว นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ครั้งแรกของโลกในประเทศไทย โดยขุมพลังอี-พาวเวอร์ มอบประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะเฉกเช่นเดียวกับการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ ซึ่งผลิตขึ้นที่โรงงานของนิสสัน ในประเทศไทย ได้รับรางวัลมามากมาย และนับเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงผู้บริโภคชาวไทยสู่การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ
“นิสสัน มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ปลอดภัย มีเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์สังคมที่ไร้มลพิษและอุบัติเหตุร้ายแรง ผมเชื่อมั่นว่าการอภิปรายอย่างเปิดกว้างร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการผลักดันการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย และทำให้วิสัยทัศน์ของนิสสันในการเปลี่ยนแปลงวิถีการขับขี่และใช้ชีวิตของผู้คนกลายเป็นจริง”