เป็นแบรนที่แข็งโป๊กสำหรับรถตู้อเนกประสงค์ขนาดใหญ่อย่างฮุนได เอช-วันที่ถึงตอนนี้ก็ยังได้รับความนิยมในตลาดเมืองไทยอยู่ จนสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ประเภทนี้จากโฟล์คคาราเวลมาได้ ทำให้เป็นแบรนด์ที่สามารถเลี้ยงค่ายฮุนไดให้ทำตลาดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันได้
ในช่วงแรกที่ทางฮุนไดได้นำเอช-วัน รถอเนกประสงค์ 11 ที่นั่งเข้ามาขายเมื่อปี 2551 มีการจัดเต็มสำหรับการออกแบบภายในที่เน้นความหรูหราในแบบที่คนไทยต้องการ จึงสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่อยากได้รถยนต์ที่มีภายในสะดวกสบายไม่แพ้รถยนต์หรูมาใช้งาน เมื่อเอช-วัน ประสบความสำเร็จ ความหรูหราที่มีมากกว่าก็ถูกนำไปใส่ไว้ในแกรนด์สตาร์เร็กซ์คู่แฝดของเอช-วัน ที่มาในแบบรถอเนกประสงค์หรู 7 ที่นั่ง เจาะตลาดคนที่มีกำลังซื้อมากกว่าเพราะต้องจ่ายภาษีเต็มแบบรถเก๋งมาถึงวันนี้เอช-วันก็มีการใส่ความทันสมัยให้สอดรับกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีในยุคนี้
ในปัจจุบันรถตู้ฮุนไดที่ทำตลาดอยู่จะมีการแบ่งออกเป็นฮุนได เอช-วัน 3 รุ่น ประกอบไปด้วยรุ่นทัวริ่ง ราคา 1,329,000 บาท รุ่น อีลิตราคา 1,529,000 บาทและรุ่นดีลักซ์ ราคา 1,729,000 บาท ส่วนแกรนด์ สตาร์เร็กซ์ มีรุ่นพรีเมี่ยม ราคา 2,349,000 บาทและรุ่นวีไอพี ราคา 2,399,000 บาท
ฮุนได เอช-วันดีลักซ์ ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้แตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด นับเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับรถกลุ่ม Premium MPV ที่สามารถตอบรับทุกการใช้งาน พร้อมสรรพด้วยเทคโนโลยีใหม่ เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นับเป็นการเปิดประสบการณ์สำหรับรถกลุ่มนี้อย่างแท้จริง
ฮุนได เอช-วันดีลักซ์ ได้รับการปรับโฉมด้านหน้า เพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับตัวรถ สะท้อนถึงความพรีเมี่ยม ด้วยการใช้กระจังหน้าแบบทรงนอนที่มีด้านล่างห้อยต่ำอันเป็นเอกลักษณ์แทนที่จะเป็นทรงตั้งแบบเดิมสอดรับกับชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ที่ออกแบบให้รับกับปลายกระจังหน้าทำให้ภาพลักษณ์ของรถมีความสง่างามกว่าเดิม การปรับเปลี่ยนภายนอกรวมถึงกันชนหน้าที่ออกแบบให้รับกับกระจังหน้าใหม่และไฟตัดหมอกที่ออกแบบมาให้แยกกับไฟส่องสว่างในเวลากลางวันที่เป็นหลอดแอลอีดีเชื่อมต่อกันเป็นหลอดนำแสง
ภายในเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยเบาะนั่งโดยสารทั้ง 11 ที่นั่ง ได้รับการออกแบบเบาะหนังและพนักพิงศีรษะด้านข้างเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และหรูหรามากขึ้น เบาะนั่งภายในห้องโดยสารด้านหลัง, พนักพิงศีรษะ และที่เท้าแขนดีไซน์ใหม่
ในส่วนของเบาะนั่งจะเป็นเบาะหนังสำหรับรุ่นดีลักซ์มีการออกแบบหมอนรองศีรษะให้แบบเป็นปีกผีเสื้อเพื่อประคองศีรษะในยามพักผ่อน ศีรษะจะได้ไม่หลุดไปจากหมอนรองศีรษะง่ายแบบเก่าโดยเบาะนั่งจะถูกยึดไว้ในรางเลื่อนจึงสามารถปรับเดินหน้าหรือถอยหลังได้ ซึ่งเบาะแถวที่2จะเป็นเบาะแยกโดยยึดเบาะตัวกลางติดกับเบาะข้างว้ายสามารถพับเก็บได้เมีอไม่ได้ใช้งาน
ในรถรุ่นนี้จะออกบบมาให้มีความปลอดภัยทำให้ไม่เห็นพวกตู้บิวท์อินแบบรุ่นแรกๆการใช้งานจึงสะดวกกว่าเมื่อพับเบาะกลางตั้งแต่แถวหน้าสุดมาจนถึงเบาะแถวสามก็สามารถเข้าไปยังเบาะแถวที่สี่ได้
เบาะแถวที่สี่หรือเบาหลังสุดจะเป็นเบาะแถวเดียวสามารถปรับเลื่อนได้และยังสามารถพับพื้นเบาะได้ด้วยซึ่งจะช่วยได้เยอะเวลาเก็บสัมภาระที่ต้องใช้พื้นที่เยอะๆ
ค่อนข้างแน่นใช้พื้นที่เต็มเมื่อต้องใช้เบาะนั่งทั้งสี่แถวทำให้เหลือพื้นที่เก็บสัมภาระน้อยมาก เมื่อต้องการใช้จริงๆก็สามารถยกพื้นเบาะแถวหลังสุดพับขึ้นมาแล้วดันเบาะไปข้างหน้าถึงจะมีพื้นที่เหลือแต่จะได้เบาะใช้งานแค่สามแถว
คอนโซลกลางได้รับการปรับโฉมให้ดูทันสมัยพร้อมความหลากหลายของการตกแต่งคอนโซลกลางที่ถูกปรับลดให้เป็นแบบเดียวกัน ซึ่งในรถรุ่นนี้จะเป็นความเรียบง่ายไม่มีความฉูดฉาดของสีลายไม้แบบเก่า โดยยังคงคันเกียร์ออโต้เอาไว้ในตรงคอนโซลกลางเช่นเดิมจะได้ไม่ไปเกะกะแถวเบาะหน้า นอกจากนั้นยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความสะดวกสำหรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งหน้าปัดเรืองแสงพร้อมไฟส่องสว่างและหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ เพื่อความสะดวกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ความโดดเด่นในการเดินทางมาจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว CRDi พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGT และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังม้าสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร เป็นกำลังที่เหลือพอสำหรับการใช้งานสามารถแบกน้ำหนักตัวถังที่ใหญ่แบบนี้ได้สบาย
สบายๆในเรื่องการเร่งแซงที่ทำได้ดีกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะพร้อม Sequential shift ทำให้เอช-วัน อีลิตเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ แต่ยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ ในการเดินทางจะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำที่ความเร็ว100กม./ชม.อยู่แถวๆ1,900รอบ/นาที อัตราเร่งของเครื่องยนต์ทำได้ดีแม้จะต้องแบกน้ำหนักตัวถังเยอะรวมถึงระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ แต่การเร่งแซงก็ทำได้รวดเร็วทำให้การเดินทางไม่รู้สึกเบื่อ
เมื่อมีตัวถังขนาดใหญ่แน่นอนว่าความแข็งแรงทนทานก็ต้องมีโดยทางฮุนไดใช้โครงสร้างตัวถัง High Tensile Strength Steel ที่ออกแบบมาในลักษณะ Four Ringทำให้มีความแข็งแรงสูง ปลอดภัยและมั่นใจในทุกการเดินทาง
ความนุ่มนวลเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์สไตล์นี้ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบ McPherson Strut ด้านหลังแบบ 5-Link Rigid Axle พร้อมคอยล์สปริงที่ให้การยึดเกาะถนนที่ดี และนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน มั่นใจเมื่อต้องหยุดรถด้วยระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหันพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ช่วยปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารขณะเกิดอุบัติเหตุ