เมื่อไม่นานมานี้ รถกระบะ P Series ของค่าย GWM ได้ออกวิ่งแบบพรางตัวตามท้องถนนในหลายประเทศที่ขับรถพวงมาลัยขวา โดย GWM ยืนยันว่าการทดสอบวิ่งและการปรับจูนที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนานหลายเดือนในหลายประเทศกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ และรถกระบะซีรีส์นี้จะมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น
รถกระบะ P Series มาพร้อมระบบช่วยเตือนให้ขับรถอยู่ในเลน (Lane Keeping Assist: LKA) และระบบช่วยเตือนเมื่อขับรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning: LDW) รวมถึงระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์มือถือได้อย่างปลอดภัย มอบประสบการณ์ยานยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอัจฉริยะที่มีความสามารถรอบด้าน
รถกระบะเรือธง P Series โดดเด่นด้วยดีไซน์ความปลอดภัยสุดล้ำ ผสานฟีเจอร์อัจฉริยะใช้งานง่าย ตอบสนองทุกสภาพการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และในฐานะรถกระบะระดับพรีเมียมสำหรับผู้ขับขี่ยุคใหม่ P Series มีความโดดเด่นเหนือรถรุ่นอื่นของ GWM ในปัจจุบัน ซึ่งช่วยยกระดับความครอบคลุมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก ยิ่งไปกว่านั้น ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันอัจฉริยะ และฟีเจอร์ความปลอดภัย จะเปิดมุมมองใหม่ที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ GWM
การทุ่มลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มที่และต่อเนื่องคือสิ่งสำคัญในการพัฒนายานยนต์ไฮเทค โดย GWM มีศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาขั้นสูง ซึ่งเป็นขุมพลังในการออกแบบและพัฒนารถเอสยูวี รถกระบะ และระบบส่งกำลังสุดล้ำ ปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์วิจัยและพัฒนาในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อินเดีย ออสเตรีย และเกาหลีใต้ และตั้งเป้าสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาให้ได้ 10 แห่ง ใน 7 ประเทศ บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเป่าติ้ง ประเทศจีน และดำเนินธุรกิจในยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ตามความต้องการของตลาดท้องถิ่น พร้อมกับเร่งดำเนินกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลก
GWM ยังคงมุ่งมั่นสำรวจและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ โดยถือเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตรถเทคโนโลยี LDW และ LKA ในปริมาณมาก นอกจากนี้ GWM ยังให้เงินทุนสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีหลายสิบแห่ง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติใหม่ ๆ โดยเริ่มมีการใช้งานเชิงพาณิชย์บ้างแล้ว
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น GWM ได้วางระบบการผลิตไว้ทั่วโลก โดยมีโรงงาน 5 แห่งในเป่าติ้ง ซูซุย เทียนจิน ฉงชิ่ง และทูลา (รัสเซีย) นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการสร้างฐานการผลิตครบวงจรหลายแห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตระดับโลก “11+5”