Lucid Motors บริษัทยานยนต์ที่มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ของการเดินทางอย่างยั่งยืนด้วยยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่หรูหราและทันสมัย เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิต “Lucid Air” รถซีดานพลังงานไฟฟ้าที่หลายคนรอคอย ผ่านการถ่ายทอดสดออนไลน์ไปทั่วโลกจากสำนักงานใหญ่ในซิลิคอนแวลลีย์ โดยรถซีดานหรูพลังงานไฟฟ้า 100% คันนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถหรู ทั้งในด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และการออกแบบ โดยจะเริ่มส่งมอบรถในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2564
Lucid Air คือผลพวงของแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Lucid Space Concept ซึ่งเป็นการลดขนาดของระบบส่งกำลังไฟฟ้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร แนวคิดดังกล่าวเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรม Lucid Electric Advanced Platform (LEAP) ของรถหรู Lucid Air และรถรุ่นต่อไปในอนาคต โดยเป็นแนวคิดใหม่แบบองค์รวมในการสร้างสรรค์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัย โดยไม่ใช้โซลูชันสำเร็จรูปที่บริษัทยานยนต์ส่วนใหญ่ใช้กัน
การพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กลงแต่ทรงพลังมากขึ้น ควบคู่กับการปรับปรุงการวางระบบส่งกำลังไฟฟ้าทั้งหมด ช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบห้องโดยสารที่กว้างขวางเพื่อความสบายของผู้โดยสาร นับเป็นการตอกย้ำประสิทธิภาพอันเหนือชั้นทุกด้านของ Lucid Air ซึ่งรวมถึงการใช้พลังงานและพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมอบสุดยอดระยะทางการวิ่ง ความสามารถในการใช้งานจริง ประสิทธิภาพ และความหรูหรา
นอกจากนี้ Space Concept ยังผสานสัดส่วนที่ล้ำสมัยและแตกต่างโดยไม่ยึดติดกับการออกแบบยานยนต์ทั่วไป ส่งผลให้ Lucid Air มีรูปลักษ์สวยงามโดดเด่นบนท้องถนน
Lucid Air มีมอเตอร์คู่กำลังสูงสุด 1,080 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนทุกล้อ จึงสามารถวิ่ง 1/4 ไมล์ได้ใน 9.9 วินาทีในการทดสอบซ้ำหลายครั้ง นับเป็นรถซีดานพลังงานไฟฟ้ารุ่นเดียวในตอนนี้ที่สามารถวิ่ง 1/4 ไมล์ในเวลาต่ำกว่า 10 วินาที นอกจากนี้ พลังของ Lucid Air ยังได้รับการเติมเต็มด้วยระยะทางการวิ่งสูงสุด 517 ไมล์ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว
เมื่อออกสู่ตลาด Lucid Air จะเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วที่สุด ด้วยอัตราการชาร์จสูงสุด 20 ไมล์ต่อนาทีเมื่อเชื่อมกับสถานีชาร์จ DC Fast Charging สำหรับผู้ขับขี่ที่ชาร์จไฟระหว่างวิ่งบนถนนอาจชาร์จได้ถึง 300 ไมล์ในเวลาเพียง 20 นาที
Lucid Motors นำประสบการณ์กว่า 10 ปี และการทดสอบวิ่งจริงกว่า 20 ล้านไมล์ มาใช้พัฒนาแพคแบตเตอรี่แบบ Extended-range ความจุ 113kWh โดยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ผ่านสนามแข่งรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วแสดงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมด้วยระบบจัดการแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ รวมถึงแพคเซลล์แบตเตอรี่อัจฉริยะ และระดับความหนาแน่นของพลังงานระดับเวิลด์คลาส
Lucid Air มาพร้อมห้องโดยสารขนาดใหญ่และหรูหราภายใต้แนวคิด Space Concept แต่ยังคงมีรูปลักษณ์ปราดเปรียวตามสไตล์รถสปอร์ตซีดาน นอกจากนั้นยังมีช่องใส่สัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า (Frunk) ขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดายานยนต์พลังงานไฟฟ้า จึงสามารถเก็บของได้ทั้งกระโปรงหน้าและกระโปรงหลัง
Lucid Air คือรถหรูที่มีแอโรไดนามิกดีที่สุดในโลก โดยจากการทดสอบในอุโมงค์ลมอันทันสมัยพบว่า มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.21
Lucid Air ผสมผสานจอแสดงผลรูปทรงอิสระกับการออกแบบภายในห้องโดยสารอย่างสวยงาม และช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานซอฟต์แวร์และยูสเซอร์อินเทอร์เฟซได้อย่างราบรื่น เบื้องหน้าคนขับคือจอโค้ง Glass Cockpit 5K ขนาด 34 นิ้วที่ “ลอย” อยู่เหนือแผงหน้าปัด ให้ความรู้สึกโปร่งไม่อึดอัด ส่วนตรงกลางมีแผงควบคุมที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเอื้อมถึงได้ง่ายและควบคุมระบบในรถได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีระบบควบคุมแบบกายสัมผัสอีกมากมาย เช่น ระบบพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ปุ่มควบคุมเสียง และสวิตช์ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสาร
Lucid DreamDrive ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ของ Lucid Air เป็นระบบแรกที่มีเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ครอบคลุมมากที่สุดในตลาด พร้อมระบบ Driver Monitoring System (DMS) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาตรฐานของรถรุ่น Air Dream Edition โดยมีเซ็นเซอร์มากถึง 32 ตัว ทั้งเซ็นเซอร์ภาพ เรดาร์ และอัลตราโซนิก พร้อมเซ็นเซอร์ LIDAR ความละเอียดสูงครั้งแรกของโลกในยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งหมดทำงานร่วมกับระบบมาตรฐานอย่าง DMS และระบบสร้างแผนที่ระดับ HD เพื่อสนับสนุนการทำงานของเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ Level 2 และ Level 3 ให้มีความปลอดภัยสูงสุด
ไฟหน้าของ Lucid Air เป็นระบบ Micro Lens Array ที่ประกอบด้วย “ช่องแสง” หลายพันช่อง เทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองก่อเกิดเป็นระบบไฟส่องสว่างที่ทันสมัยที่สุด แม่นยำที่สุด และสว่างที่สุด นอกจากนั้นยังสามารถปรับทิศทางช่องแสงด้วยระบบดิจิทัล นับเป็นการปฏิวัติทัศนวิสัยในการมองเห็นและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
Lucid จับมือกับ Amazon นำระบบควบคุมด้วยเสียง Alexa มาติดตั้งในรถ Lucid Air ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพลิดเพลินกับการใช้งาน Alexa ตลอดการเดินทาง ทั้งการนำทาง โทรศัพท์ สตรีมมิง ควบคุมระบบสมาร์ทโฮม หรือแม้แต่ช็อปปิงออนไลน์ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนนและปล่อยมือจากพวงมาลัย ทั้งยังสามารถใช้ระบบควบคุมในรถ เช่น ปรับอุณหภูมิในรถได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สั่งด้วยเสียง นอกจากนี้ เมื่อผู้ขับขี่ใช้งาน Alexa จะมีภาพปรากฏบนจอแสดงผลสำหรับคนขับเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีการอัปเดตผ่านระบบ Over-the-Air (OTA) ที่ติดตั้งมากับรถ
Lucid Air จะจำหน่ายในอเมริกาเหนือก่อน โดยมีให้เลือก 4 รุ่น ดังนี้
– Air รุ่นเริ่มต้น วางจำหน่ายในปี 2565 ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 80,000 ดอลลาร์ (72,500 ดอลลาร์ หลังลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐ)
– Air Touring รุ่นออปชันแน่น วางจำหน่ายปลายปี 2564 ในราคาเริ่มต้น 95,000 ดอลลาร์ (87,500 ดอลลาร์ หลังลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐ)
– Air Grand Touring รุ่นออปชันครบ วางจำหน่ายกลางปี 2564 ในราคาเริ่มต้น 139,000 ดอลลาร์ (131,500 ดอลลาร์ หลังลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐ)
– Air Dream Edition รุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด วางจำหน่ายช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2564 ในราคา 169,000 ดอลลาร์ (161,500 ดอลลาร์ หลังลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐ)
Lucid Air Dream Edition เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและเทคโนโลยีของ Lucid ผสานสุดยอดสมรรถนะและระยะทางการวิ่งอันเหนือชั้น รถซีดานหรูพลังงานไฟฟ้า 1,080 แรงม้ามีให้เลือกสามสี ได้แก่ Stellar White, Infinite Black และ Eureka Gold ซึ่งเป็นสีเฉพาะของรุ่นนี้เท่านั้น แต่ละสีมาพร้อมการตกแต่งภายในสุดพิเศษในธีม “Santa Monica” โดยมีการใช้หนัง Nappa จากบริษัท Bridge of Weir Leather ทั้งคัน และไม้ยูคาลิปตัสประดับด้วยเงิน รถรุ่นนี้ใช้ล้อดีไซน์ “AeroDream” ขนาด 21 นิ้ว รวมถึงมีของแต่งและเครื่องหมายพิเศษที่แสดงให้เห็นว่าเป็นรถที่ผลิตจำนวนจำกัด
หัวใจสำคัญของรถ Lucid Air คือรถรุ่น Air Touring และ Air Grand Touring ที่มีกำลัง 620 และ 800 แรงม้าตามลำดับ โดยรุ่น Air Grand Touring จะมีระยะทางการวิ่งสูงสุด 517 ไมล์ด้วยการชาร์จครั้งเดียว สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและดูข้อมูลรถทุกรุ่นได้ที่ https://www.lucidmotors.com/