เป็นหนึ่งเดียวในบาจาจที่เป็นรถสปอร์ตส่วนที่เหลือจะเป็นเน็กเก็ตทั้งหมดสำหรับบาจาจ พัลซาร์ RS 200 ทำให้มีทางเลือกสำหรับคนที่ชื่นชอบความเป็นสปอร์ตในราคาพี่ไม่ต่างจากพวก 150 cc ทั้งหลาย
ถึงจะเป็นรถสปอร์ตแต่ rs200 ก็เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ง่ายขี่นานไม่เมื่อยล้าด้วยการยกแฮนขึ้นสูง ทำให้ท่านั่งไม่ต่างไปจากพวกเน็กเก็ตมากนัก แต่แกนปลายแฮนด์จะให้ตัวได้นิดหน่อยทำให้เพิ่มระยะเวลาบิดคันเร่ง
เบาะนั่งจะเป็นเบาะ 2 ชิ้นต่างระดับกันสไตล์สปอร์ต โดยความสูงของคนขี่อยู่ที่ 810 มิลลิเมตร เป็นความสูงที่คนไทยทั่วๆไปรับได้วางเท้าได้เต็มที่ ช่วงถังน้ำมันที่ต่อกับเบาะก็จะมีแผ่นยางกันกระแทกติดตั้งมาให้โดยไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม
การออกแบบรถรุ่นนี้ดูทันสมัยหน่อยโดยใช้ชุดไฟหน้าแยก มองทางด้านหน้าเหมือนกับพวกบิ๊กไบค์รุ่นใหญ่ โดยไฟหน้าจะเป็นโปรเจคเตอร์คู่ให้แสงสว่างที่ชัดเจน
ชุดแฟริ่งเป็นแบบฟูลแฟริ่ง แต่ดูๆก็คล้ายกับฮาร์ฟแฟริ่งเพราะครึ่งล่างจะเป็นสีดำ มีด้านหน้าที่ยื่นออกห่างจากแฮนพอสมควรเมื่อเจอกับกระจกมองข้างขายาวๆจึงเกินเอื้อมเวลาปรับจะต้องปรับตอนจอดถึงจะดูปลอดภัยกว่า
RS 200 เป็นมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในกลุ่มได้หลากหลายกับราคา 89,800 บาทนั้นสามารถลงไปคลุกกันกับพวก 150cc ได้สบายส่วนสมรรถนะของเครื่องยนต์นั้นพวก 250cc หนีไม่ออกก็แล้วกัน
ข้อดีของเครื่องยนต์ลูกนี้คือเป็นของ 200 Duke มาก่อน แต่ปรับปรุงด้วยการใส่หัวเทียนเพิ่มเข้าไปอีก 2 หัวกลายเป็นเครื่องยนต์สูบเดียว 4 วาล์ว 3หัวเทียน เป็นเครื่องยนต์ที่มีความจุ 199.5 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 24.1 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 18.3 นิวตันเมตรที่8,000ต่อนาที ระบายความร้อนด้วยของเหลว
อัตราเร่งมาต่อเนื่องกว่า 200 Duke ลองไล่เกียร์ 6 สปีดดูจะได้ความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเข็มวัดรอบจะผ่านขีดแดง 9,500 รอบไปแล้วก็ตาม โดยจะไปตัดที่ 11,000 รอบต่อนาทีที่ความเร็ว 146 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงจะอยู่ในช่วงขีดแดงแต่กำลังของเครื่องยนต์ก็ยังเหลือ เรียกว่าปรับสเตอร์หน้า/หลังให้ดีๆก็จะมีทะลุ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน
RS 200 จะไม่ได้โช๊คอัพหน้าแบบหัวกลับเหมือนรุ่นพี่แต่จะเป็นแบบเทเลสโคปิคพร้อม Anti- Friction จากโรงงาน WP จึงมั่นใจได้ในเรื่องของการซับแรงกระแทก ชุดเบรคBYBREของแบรมโบ้ผลิตนอกอิตาลี พร้อม ABS มั่นใจได้ในเรื่องของระยะเบรก
ขณะที่กันสะเทือนหลังเป็นสวิงอาร์ม โช๊คอัพเดียวที่พัฒนาโดยบาจาจเองมีซับแท็งค์มาให้พร้อม สามารถรับแรงกระแทกได้ดี ก็จะเป็นเบรกพร้อม ABS ด้วยเช่นกัน
จากการขี่แบบต่อเนื่องไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยหรือปวดหลังจากท่านั่งที่ไม่ต้องก้ม เมื่อใช้ความเร็วแฟริ่งจะช่วยบังคับทิศทางลมไม่ให้มาปะทะโดนตัว แต่ถ้าอยากได้ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็สามารถใช้การหมอบช่วยก็จะทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นดีกว่าแบบการนั่งตรงๆ
ในรถรุ่นนี้จะควบคุมได้ง่ายการเข้าโค้งทำได้ดี นิ่งเมื่อเจอลมปะทะแรง ได้จุดเด่นตรงไฟท้ายรูปหัวใจไม่เหมือนใคร ท้ายรถเรียวแหลมลู่ลม เพิ่มบังโคลนกันน้ำกระเด็นโดนคนข้างหลังที่มีมาให้ครบโดยไม่ต้องแต่งเพิ่ม
ยามที่ใช้ความเร็วจะมองวัดรอบแบบอนาล็อกได้ชัดเจนจะได้รู้ว่าใช้รอบเครื่องยนต์สูงแค่ไหน ส่วนวัดความเร็วจะเป็นดิจิตอลโดยมีนาฬิกาดิจิตอลและทริปบอกระยะทางเป็นดิจิตอล ส่วนวัดระดับน้ำมันก็จะเป็นแบบรถยนต์ที่มองเห็นได้ง่าย
โดยภาพรวมก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับบาจาจ พัลซาร์ RS 200 แม้ว่าชิ้นงานอาจจะไม่เนี๊ยบเท่ากับทางฝั่งญี่ปุ่น แต่ด้วยราคาที่ต่ำได้เทคโนโลยีจากฝั่งยุโรปที่ไม่ได้โนเนมมาใช้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับความคุ้มค่าที่มาให้