T.50 ของ กอร์ดอน เมอร์เรย์ แน่นอนว่ามาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ F1 แถวหน้าที่สุดๆๆๆๆ Cosworth V12 เพื่อผลิต T.50 Hyper Cars ที่ยอดเยี่ยมเป็นประวัติการณ์
ด้วย F1 Effect ‘ปฏิกิริยาฟอร์มูล่า-วัน’..ด้วยข้อมูล Aerodynamic – อากาศพลศาสตร์ที่บังคับด้วย Fan Force – พัดลมดูด ด ด ด ด้วยรูปทรงที่น่าหลงใหลอย่างเกินจริง ง ง ง !?!
และถ้าคุณคิดในมุมของ ทหารผ่านศึก แห่งสงคราม F1 Wars ..ของ เมอร์เร่ย์ ผู้กำลังนำ “ปฏิกิริยาฟอร์มูล่า-วัน” สร้างกลไกสัตว์ร้ายสายแข่งขัน F1 เพื่อท้องถนน (และ 2021 สนามแข่งขัน GT-Series ในปีหน้าที่กำลังจะมาถึง ง ง ง ) นี่ถ้ามิตรสหายไม่เอา T.50ไปแข่งขัน..นั่นเท่ากับ ทำตัวห่างเหินโพเดี้ยมแข่งขันเข้าไปทุกที ..ทุกที HA ha ha a a a )))
T.50 ขายหมดแล้วภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเปิดตัว !?!
Murray บอกว่ากำลังสร้างสิ่งพิเศษที่รุนแรงยิ่งขึ้นสำหรับสายฮาร์ดคอร์เพียง 25 คัน ที่อาจผลักดันพวกเขาไปอยู่แถวหน้าของ Hyper Racing Cars สายแข่งขัน..และสำหรับตอนนี้ขอเรียกทั้ง 25 คันนี้ว่า T.50s ( จาก T.50 ที่จะเริ่มส่งมอบ ) ด้วยสูตรเพิ่มพลัง-ลดน้ำหนัก-และให้ระดับ Downforce ที่โหดร้าย..adds power, drops weight and savage downforce )))
การออกแบบ เน้นการลด น.น. ชิ้นส่วนหลายร้อยชิ้น..เพื่อกำหนดให้น้ำหนักสุดท้ายเหลือบนยางทั้ง 4ล้อ เพียง 890 kg. (1,962 lb) T.50s จะเบากว่า T.50 ราว 94 kg (207 lb) ซึ่งจัดเป็นรุ่น เฟเธอร์เวท แน่นอนสำหรับ ซูเปอร์คาร์ ที่จัดเต็มด้วย Mid-Ship เครื่องยนต์ F1- Cosworth V12 แบบติดตั้งกลางลำ ที่ 12,100 rpm โดย Murray จัดขุมพลัง T.50 & T.50s =654 & 720 ด้วยกระแสอากาศที่ Boost เพิ่มขึ้นจากสคูปหลังคาสไตล์ Periscope..ป่องกระโดง-กล้องเรือดำน้ำ ที่สูงกว่า T50 สายสามัญ
แน่นอนว่า T.50 -T.50s เน้นโหด ด ด ด Murray จึงขี้เกียจจะหรูหรา..จึงขอให้สาวก จงลืมเครื่องปรับอากาศและสเตอริโออันอุดมบรมสุขเกษม และที่นั่งผู้โดยสารอันเปรมปรีด์ที่ไม่ได้หรูหราไปกว่าแอ่งนั่งจมๆใน F1 แม้แต่พรมปูพื้น..ก็ต้องไปเย็บไปซ์้อหาเอาเอง HA Ha ha a a )))
2 ที่นั่ง..Mid Driver ..คนขับอยู่ตรงกลาง..อย่าง F1 !?!
ด้วยเหตุผลข้างๆ คันๆ ..ที่นั่งด้านซ้ายยังคงไว้ (รึไม่ !!!).. ขึ้นอยู่ในกรณีที่คุณต้องการ Co-Driver ผู้ติดตาม แต่ที่แน่ๆ ที่นั่งคนขับจะอยู่ตำแหน่งกลาง Mid -Driver Cabin ตำแหน่งเดียวกันกับ F1 โดยเบาะผู้โดยสาร จะติดตั้งซ้าย รึ ชวาขึ้นอยู่กับ ความต้องการ แต่เบาะนั่งยังคงไว้ซึ่งสไตล์ F1 +เข็มขัดนิรภัยถูกแทนที่ด้วยสายรัด G-Force ที่ปลดได้เองสำหรับ T.50 และ T.50s ที่ Pit Crews จะต้องปลดให้
อิ อิ อิ..ส่วนชุดสาระบันเทิงคดี -Gadgets จะถูกแทนที่ด้วย Meter Digital Pilot อันอุดมไปด้วย ข้อมูลขับ-ข้อมูลแข่ง -นับรอบจับเวลา และ Rev วัดรอบเครื่อง + Level วัดแรง G-Force และประสิทธิภาพจิปาถะ ฯลฯ. ไว้เป็นสาระบันเทิงสำหรับ ‘Track Jockeys -นักขี่รถแข่ง’
น.น.เบา = BMW – Harley Davidson )))
แชสซีส์-บอดี้คาร์บอนไฟเบอร์ T.50’s .. Ultra-lightweight Carbon Fiber chassis and Bodywork น้ำหนักเบาพิเศษ ของ Street T.50 ที่มี น.น. แชสซีส์เพียง 150 kg. เบาพอกันกับ เครื่อง+เฟรม ของ BMW-Harley Davidson..อะไรกันนี่ !?@#$%
T.50 เป็นอุบัติการณ์ Fan-Hypercar ..ด้วยพัดลมดูดอากาศให้พ้นจากกระแสปะทะ Cd-Co-Efficient Drag – ค่าแรงต้านกระแสลม ที่ใช้งาน Road Cars บนท้องถนนได้เป็นครั้งแรก !?!
ด้วยปีก Delta -Wing -เดลต้าที่กว้าง 1.76 เมตร (5.8 ฟุต) คลุมที่ด้านหลัง รวมถึง Ground -Effect เอ็ฟเฟ็คต์พื้นดินแบบใหม่ที่อยู่ใต้ตัวถัง F1 – Aerofoil พื้นรถรีดอากาศ ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ – Adjustable Split – Diffusers แผงกดอากาศแบบแยกชิ้นที่ด้านหน้า แบบ Wind -Sensor Mode ฝังเซ็นเซ่อร์วัดแรงลมปรับได้ เพื่อควบคุม ‘ 6 Mode -Fan Car’ พัดลมดูด ด ด..ซึ่งทำงานใน 6 โหมดด้วย “โปรแกรมลม” ที่แตกต่างกันที่เข้ามากระทำต่อตัวรถ (ใน T.50 รถสตรีท จะมีเพียง โหมดเดียว ) ..ซึ่งจะทำงานในโหมด High Downforce ตลอดเวลา..แตกต่างจาก T.50s – 6 Mode Fan )))
Downforce = ผลลัพธ์ = แรงกด 1,500 kg. ที่ระดับความเร็วสูง
ด้วย ‘Fan Car’ ผลลัพธ์ที่ได้คือการเพิ่มระดับแรงกด 170 % ของน้ำหนักรถ ซึ่งหมายความว่าสามารถขับที่ย่าน Hyper Speed โดยที่ T.50 จะถูก Downforce กดติดผิวทางวิ่งด้วย Fan-Mode..หากไม่เจอะแผ่นดินไหวขณะขับขี่..อิ อิ อิ !?@#$%
ผู้ทดสอบบอกว่า ระบบ Downforce น่าไว้ใจ ..Stick like chewing gum ..ได้ฟิว ว ว ว -ฟิลลิ่งเหมือนเคี้ยวหมากฝรั่งหนึบหนับ บ บ บ ..และนอกเหนือจากแรง Negative -Gravity แรงหนีศูนย์กลาง ขณะเข้าโค้งที่ดุร้าย ..มิตรสหายยังสามารถ ” Handling อยู่มือ” กอปรกับระบบชะลอตัว เมื่อคุณใช้ Piston- Brembo หกลูกสูบ-คาร์บอนเซรามิกทั้ง 4 ล้อ
ระบบกันสะเทือน F1 -Enormous Downforce
ช่วงล่างได้รับการ Lift -Up ยกใส่จาก F1 ด้วย นน.รวมทั้งคันไม่ต่างนัก !?!
แต่จะทำให้สิ่งแตกต่าง คือแข็งแกร่งกว่าสำหรับการใช้งาน Road & Race cars และคำนึงถึง Enormous Downforce แรงกดมหาศาล ณ ระดับ Speed-Levels โดยที่ความเร็วสูง ระบบช่วงล่างจะลดความสูงของรถลง 40 mm. ( 4 ซม. = 1.6 นิ้ว)
ขึ้นสู่ Top Podium ที่เข้มข้น..สายตรงที่สุด ด ด ด )))
นี่คือ Top สุด..ในด้านการออกแบบ Super-Hyper Car ที่ไม่เหมือนใคร และมีเพียง ซีรี่ส์เดียวที่กล้านำเอา “ปฏิกิริยาฟอร์มูล่าวัน -F1 Effect อันถือเป็น Topสุด ในประวัติศาสตร์ Road Cars ยานยนต์เพื่อท้องถนน..พร้อมกันกับ T.50s ที่จะผลักดันมิตรสหายสายแข่งขันขึ้นสู่ Top Podium ที่เข้มข้น..สายตรงที่สุด ด ด ด ..นะ สหายเอ๋ย ย ย ย ย ..HA Ha ha a a )))
หมายเหตุ : T.50s..ทุกคันจะถูกขับโดยเจ้าของที่แท้จริง ง ง ง !?!
T.50s ทั้ง 25 Cars..จะยังไม่เข้าสู่การผลิตจนกว่าจะถึงต้นปี 2023 โดยปิดยอดจองในราคา 3.1 ล้านปอนด์ ($US 4.12 ล้านเหรียญสหรัฐ) ครบจบทั้ง 25 คัน แต่ละคันจะมีลักษณะที่แตกต่างกันและมีการตั้งค่าตามหลักสรีรศาสตร์ Ergonomic – Driver Setup ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับตัวผู้ขับขี่ และ เมอร์เรย์ กำลังจัดกิจกรรม Murrey Racing Series -การแข่งรถของตัวเอง ..เพื่อให้มั่นใจว่า T.50s ที่จำหน่ายไป จะ Non -Spy ไม่ถูกแฮ็ก ก ก ..และทุกคันจะถูกขับโดยเจ้าของที่แท้จริง ง ง ง..One of the most unique and single-minded by owner !?!
เมอร์เรย์..สรุป : Gordon Murray T.50 เวอร์ชันแข่งรถที่เบาและเร็วขึ้นพร้อมแรงกดที่มากขึ้น )))
ขณะนี้..ทั้ง Gordon Murray และทีมของเขา เร่งติดต่อประสานงานกับ สปอร์ตคลับ GT1 Sports Club คณะกรรมการแข่งขันสำหรับซูเปอร์คาร์ GT1 ในปัจจุบัน จาก “ปฏิกิริยาฟอร์มูล่า วัน – F1 Effect” ที่ตอนนี้มีเพียง T.50-T50s ซูเปอร์คาร์สุดอุกอาจ คุ้มคลั่ง ง ง ท่ามกลางฝูง Supercars มากมายที่วิ่งไปมาในศึก GT1
So, What is Downforce..แรงกด.. คืออะไร !?!
วิชาฟิสิกส์ในโรงเรียนมัธยม..กำหนดว่า..ขณะแข่งขัน-ขับขี่..พื้นที่สัมผัสจริงของยางรถยนต์ F1 มักอยู่ในขนาด 2–3 ตร. นิ้วต่อหน้ายาง และโปรดจำไว้ว่ารถเหล่านี้วิ่งได้มากกว่า 200 กม. / ชม. บางคันถึง 300 กม. / ชม. ดังนั้นการกระตุกเพียงเล็กน้อยหรือแม้แต่การยกตัวเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้รถ F1 กระเด็น ลอย พลิกคว่ำ และอาจทำให้สูญเสียได้
ด้วย นน. ขณะแข่ง-ขับขี่ ที่เบามากโดยใช้วัสดุคอมโพสิต-อีพ็อกซี่ – คาร์บอนไฟเบอร์-คอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์ – โพลีอิไมด์ ดังนั้นน้ำหนักทั้งคันโดยรวมของรถจึงน้อยมาก ในทางกลับกันเครื่องยนต์ F1 ปัจจุบันมีความจุประมาณ 2.5 ลิตร 2500 cc ซึ่งสร้างกำลังมหาศาลมากกว่า 300-1000 แรงม้า + อัตราเร่งที่รุนแรง พารามิเตอร์ ทั้งหมดนี้เหมาะสำหรับเครื่องบินเจ๊ตขับไล่ไอพ่น ขนาดเล็ก
รถ F1 จึงได้รับการออกแบบในลักษณะที่สปอยเลอร์และพื้นที่ด้านข้างให้เพิ่ม Downforce แรงกดลงบนพื้นทางวิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับสมดุล เพื่อต้านการยกตัวรถ ที่ความเร็วสูง
ด้วยรูปทรงที่เบา คล่องตัว ทำให้รถ F1 จำเป็นต้องสร้าง Downforce – สร้างแรงกดสูง บริเวณด้านล่าง และความกดอากาศต่ำเหนือร่างกาย สิ่งนี้ก่อให้เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า Lift ลิฟท์
และด้วย Lift นี้รถจึงเกิดแรงยกขึ้นที่ทำให้รถยกให้ลอยขึ้น ที่ความเร็ว .. Lift การยกตัวเล็กน้อยนี้ จะกลายเป็นหายนะ และด้วยเหตุนี้ Lift การยกตัวนี้จึงต้องถูกตัดทิ้งไป ซึ่งทำได้โดยใช้สปอยเลอร์และปีกด้านข้าง Defuser ฯลฯ และสิ่งนี้ให้สกัดแรงยกในแนวตั้งฉากให้สัมพันธ์กับเวกเตอร์ความเร็ว ด้วยการออกแบบให้ตรงกันข้ามกับปีกเครื่องบิน ในบริเวณรอบ ๆ สปอยเลอร์พื้นที่ความกดอากาศต่ำ จะถูกสร้างขึ้นที่ด้านล่างและความดันสูงแรงกดสูงจะถูกสร้างขึ้นที่ด้านบนของปีก ซึ่งให้แรงยกเป็น Negative Downforce -แรงกดลบ พร้อมกับเพิ่ม แรงกด Positive Downforce บนตัวรถ
สรุปว่า Gordon Murray T.50 -T50s เวอร์ชันแข่งรถที่เบาและเร็วขึ้นพร้อมแรงกดที่มากขึ้น ดูเหมือนว่ามันอาจจะเข้ากันได้ดีสำหรับคลาส GT1 ไฮเปอร์คลาสของ Le Mans ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าขนนก และความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้น
โดยขณะนี้ ทั้ง T50-T50s จะยังไม่ขอพูดถึง Specs -ข้อมูลของรถ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ทั้งสายขับ และสายขี่ Racing Jockey ..เชียวนะ ะ ะ ะ สหายเอ๋ย ย ย ย ..หุ หุ หุ )))
( *ที่มา : Source : By Loz Blain #Gordon Murray Motors)
( *ที่มา : Sorce : #Shishobhan Sharma นักวิชาการวิจัยจากภาควิชาวัสดุศาสตร์ : Shishobhan Sharma, Research Scholar at Department Of Materials Science (2015-present)