ต้นสายพันธุ์ Mid Front Engine -เครื่องยนต์หน้าติดตั้งกลางลำตัว ว ว .. ขับเคลื่อนล้อหลัง ( RMR ) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกัน ดอดจ์ (Dodge) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ไครส์เลอร์กรุ๊ป เริ่มผลิตครั้งแรกใน ค.ศ. 1992-2010
ดอดจ์ ไวเปอร์ เป็นรถธง ของบริษัทดอดจ์มาโดยตลอด สร้างชื่อเสียงมหาศาลให้บริษัท ด้วยเครื่องยนต์ วี10 ที่มีสมรรถนะสูงมากอีกหนึ่งในประวัติศาสตร์ยานยนต์อเมริกัน
มันถูกออกแบบเป็น Mid Front Engine -Rear Wheel Drive (ที่ตามตูด ด ด ..เอ๊ย ! ตามติด ด ด ด Panoz Esperante สายแข่ง..ไม่ได้ทำขาย เมือน Viper)
มันจึงมีสายเลือดแข่งขัน..สามารถใช้เป็นรถแข่งได้ทันที..ที่เปลี่ยนยาง Racing-Slick
Game Icons
ณ. ยุคที่ Viper ปรากฎร่างยุคเดียวกับ PS-one -Playstation 2 – Game Comp จึงมีการนำดอดจ์ ไวเปอร์ ไปออกแบบเป็นรถแข่งในเกม, ไปถ่ายทำ ไตเติ้ลโฆษณา -ภาพยนตร์ และ MTV มิวสิกวีดีโอจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ดอดจ์ ไวเปอร์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในทุกวงการ โดยเฉพาะวงการรถสปอร์ต และวงการรถแข่งยุคนั้น ฯลฯ.
ก่อนกำเนิดในราว 1989 ในการประชุมใหญ่ของบริษัทในเครือไครส์เลอร์กรุ๊ปทั้งหมด โรเบิร์ต ลุตซ์ (Robert Lutz) CEO บริษัทไครส์เลอร์กรุ๊ป ในขณะนั้น ได้ออกความคิดเห็นในที่ประชุมว่า บริษัทในเครือไครส์เลอร์ น่าจะผลิตรถสปอร์ตรุ่นใหม่ขึ้นอีกครั้งหลังจากยุค Dodge Charger-Daytona !?!
จากตรงนี้จึงมีการ Back To Big ..กลับไปออกแบบรถสปอร์ตรุ่นใหม่อีกครั้ง ปั้นรูปปั้นรถจำลองขึ้นมาจากดินเหนียว แล้วนำเสนอให้ CEO โรเบิร์ตดู เมื่อโรเบิร์ตดูรูปปั้นดินเหนียว ก็เห็นทีท่าว่าน่าจะสามารถทำตลาดได้ดี ดังนั้น จึงมีการตั้งทีมขึ้นมาพัฒนาอย่างจริงจัง
เล็กๆ ไม่..ใหญ่ๆ ไครส์เล่อร์ )))
Team Viper ..ทีมงานที่คิดค้นพัฒนาสปอร์ตใหม่นี้ ประกอบด้วยวิศวกร 86 คน นำโดย รอย สโจเบิร์ก (Roy Sjoberg) เริ่มต้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1989 การพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1990 ทดลองตรวจสอบและพัฒนาความปลอดภัยอย่างถี่ถ้วนอีก 1 ปี และเริ่มผลิตจริงใน ค.ศ. 1992 โดยตั้งชื่อรุ่นว่า “VIPER” ซึ่งมีความหมายว่า “อสรพิษ”
1992-1995 ดอดจ์ ไวเปอร์ RT/10 โฉมที่ 1
ประวัติศาสตร์ ดอดจ์ ไวเปอร์ #โฉมที่ 1 รู้จักกันในชื่อ RT/10 ผลิตตัวถังแบบเดียว คือ Targa Top บาร์หลังคาเปิดประทุน 2 ประตู แต่มีจุดเด่นที่เครื่องยนต์ V10 ของไวเปอร์ พัฒนาขึ้นจากต้นแบบเครื่องยนต์ของ #ไครส์เลอร์ แอลเอ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ทำจากเหล็กหล่อ ลูกสูบทำจากโลหะเจืออะลูมิเนียม (อะลูมิเนียมอัลลอย) ปริมาตร 8 ลิตร 7998 cc ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 394.528 bhp @ 4600 rpm แรงบิดสูงสุด 630 นิวตัน-เมตร ที่ 3600 rpm อัตราเร่งไว 0-97 mph @ 4 sec -เร่งควอเตอร์ไมล์ ใน 13.1 sec ด้วยความเร็วสูงสุดในควอเตอร์ไมล์ 180 km/h ความเร็วสูงสุด 264 km/h
พร้อมแสดงสมรรถนะ Mid Engine-Mid Front สายแข่ง โชว์ความเร็วสูงสุดขณะวิ่งซิกแซก (โดยไม่ชนกรวยล้ม) ด้วยความเร็วทดสอบซิกแซก 106 km/h ต้านทาน Side Sway แรงเหวี่ยงสูงสุดขณะหักเลี้ยว (โดยไม่เกิดการลื่นไถล) : 0.96 G-Gravity Force
V10..แดกด่วนน น น..แดรกส ส ส ส โหด..มั้ง ง ง ง !?!
จากการที่เครื่องยนต์ของไวเปอร์มีสมรรถนะสูง แน่นอนว่าจะสิ้นเปลืองน้ำมันโคตร โคตรรรร โคตร ร ร ร ร !?@#$%
แต่ทว่า V10 เครื่องยนต์ที่สมรรถนะสูงกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปเกือบสิบเท่า ใช้น้ำมันมากกว่ารถทั่วไปเพียง 2-3 เท่าเมื่้อเทียบกับพลัง ทดสอบจากการวิ่งในเมืองตามสภาพการจราจรจริง มีอัตราการใช้น้ำมันอยู่ที่ 5 กิโลเมตรต่อลิตร และเมื่อวิ่งบนทางหลวงรถโล่งระยะไกล ไวเปอร์ใช้น้ำมันในอัตรา 8.3 กิโลเมตรต่อลิตร !?!
1996-2002 Viper GTS โฉมที่ 2..เน้นแข่งขัน
ดอดจ์ ไวเปอร์ #โฉมที่ 2 รู้จักกันในชื่อ GTS (อันที่จริง ยังมีการผลิตไวเปอร์โฉมที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า RT/10 อยู่แล้วด้วย) GTS มีรูปทรงคล้ายคลึงกับ RT/10 เพียงต่างกันบ้างตรงที่ มีตัวถังแบบคูเป้ และเปิดประทุน ( RT/10 รุ่นแรก ไม่มีตัวถังคูเป้) และหลังคารถ Bubble เทสูงขึ้น เพื่อเว้นที่สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการสวมหมวกนิรภัยขณะแข่ง
สิ่งที่ทำให้สองรุ่นนี้แตกต่างกัน คือ Upgrade เครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบใหม่ ให้มีสมรรถนะสูงขึ้น 49 bhp (เป็น 444 bhp) และน้ำหนักเบาลง 33 kg รวมทั้งการเปลี่ยนไปใช้แชสซีส์ตัวถังใหม่ทั้งหมด ทำให้ตัวถังรถรุ่นใหม่เบากว่ารุ่นแรก 27 kg แต่แข็งขึ้น 25% สมรรถนะของ GTS ไวเปอร์โฉมที่ 2 เป็นดังนี้
เร่งความเร็ว 0-97 km/h @ 4.0 sec, เร่งควอเตอร์ไมล์ @ 12.2 sec, ความเร็วสูงสุดในควอเตอร์ไมล์ @ 192 km/h, ความเร็วสูงสุด @ 301 km/h, ความเร็วสูงสุดขณะวิ่งซิกแซก Slalom @118.4 km/h โดยไม่ล้มกรวย ย ย ย ต้านแรงเหวี่ยง Side Sway สูงสุดขณะหักเลี้ยว @ 1.01 G
ABS ..เป็นครั้งแรก ก ก )))
โดยสมรรถนะดังกล่าว นิตยสาร Motor Trend ได้จัดให้ Viper GTS เป็นรถแข่งที่สมรรถนะสูงกว่า #เฟอร์รารี 550, #ปอร์เช 911 RSR, เชฟโรเลต Corvette, และ ฮอนด้า NSX ในยุคเดียวกัน เพราะระยะที่ใช้ในการหยุดรถจากความเร็วสูงนั้นมากกว่าบรรทัดฐานที่ควรจะเป็น *จึงได้มีการชดเชยเฉพาะหน้าโดยการติดตั้งระบบเบรกแบบ ABS ลงไป แต่อย่างไรก็ตาม GTS ไวเปอร์โฉมที่ 2 ก็ประสบความสำเร็จในวงกว้าง ปังปัง ง ง ง ดังตั้งใจ )))
2003-2006 โฉมที่ 3 SRT-10..Model Changed !?!
#ดอดจ์ ไวเปอร์ โฉมที่ 3.. รู้จักกันในชื่อ SRT-10 ได้รับการออกแบบใหม่โดยมีรูปทรงที่ดูคมขึ้น และเครื่องยนต์ Blow-Up จาก 7998 เป็น 8300 cc ให้กำลังสูงสุด 493 bhp @ 5,600 rpm แรงบิดสูงสุด 725 นิวตัน-เมตร @ 4,200 rpm น้ำหนักเครื่องยนต์เบาลง 60 kg แชสซีส์รองรับบอดี่้ใหม่ทั้งคันเบาลง 36 kg สมรรถนะของไวเปอร์โฉมที่ 3 เป็นดังนี้
เร่งความเร็ว 0-97 km/h @ 3.9 sec, เร่งควอเตอร์ไมล์ @ 11.77 sec, ความเร็วสูงสุดในควอเตอร์ไมล์ @ 199 km/h, ความเร็วสูงสุด @ 310 km/h
ความเร็วสูงสุดขณะวิ่งซิกแซก Slalom @ 113.3 km/h, ต้านแรงเหวี่ยง Sidwe Sway สูงสุดขณะหักเลี้ยว @ 1.05 G-Gravity Force )))
นอกจากนี้ โฉมที่ 3 ยังได้รับการพัฒนาระบบเบรก ABS จาก GTS รุ่นที่ 2 โดยลดความความเร็วจาก 161 km/h Go ‘N Stop จนหยุด จะมีระยะเบรก 84 เมตร (คิดเป็นความหน่วงทางฟิสิกส์ 11.9 เมตร/วินาทีกำลังสอง !?!)
2008-2010 โฉมที่ 4 ..Viper STR-10
#ดอดจ์ ไวเปอร์ โฉมที่ 4 ยังใช้ชื่อว่า SRT-10 ตามโฉม 3.. ตัวถังภายนอกคล้ายของเดิม แต่ Face Lift เครื่องยนต์เปลี่ยนจาก 8300 เป็น 8400 cc. ให้กำลังสูงสุด 592 bhp @ 6,000 rpm แรงบิดสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร @ 5,600 rpm สมรรถนะอื่นๆ ของ SRT -10 ไวเปอร์โฉมที่ 4 เป็นดังนี้
เร่งความเร็ว 0-97 km/h @ 3.4 วินาที, เร่งควอเตอร์ไมล์ @ 10.92 sec, ความเร็วสูงสุดในควอเตอร์ไมล์ @ 206 km/h, ความเร็วสูงสุด @ 317 km/h ( ในรถเปิดประทุน) และ 325 km/h ในคูเป้, ความเร็วสูงสุดขณะวิ่งซิกแซก Slalom @ 119 km/h, ต้านแรงเหวี่ยงสูงสุด Side Swayขณะหักเลี้ยว @ 1.06 G-Gravity Force )))
โอ้..อนิจจา า า า..จำ ลาลับ บ บ !?!
ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 CEO ราฟ กิลส์ ประธานบริหาร (ซีอีโอสายเกรียน น น ) ของค่ายดอดจ์ อ้อมแอ้มออกมาประกาศในฤดูร้อนปี 2010 ความว่า..
“ดอดจ์จำเลิกผลิตรถรุ่นไวเปอร์ โดยกำลังพัฒนารถแข่งรุ่นใหม่เพื่อมากแทน Dodge Viper ตั้งแต่ปี 2012 ส่วนรายละเอียดของรถรุ่นใหม่ยังไม่ถูกเปิดเผยมากนัก มีการคาดการณ์ว่า รุ่นใหม่ที่จะมาแทน ถ้า Viper ดวงดี..บางทีอาจจะยังใช้ชื่อไวเปอร์ตามเดิมก็เป็นได้..CEO สายเกรียน น น ..โปรยยาหอม ม ม ม )))
2013-2016 โฉมที่ 5 ..Viper ACR..จงอาง บังเกิดใหม่ !?!
#ดอดจ์ ไวเปอร์ โฉมที่ 5 ..หลังจากโศกาอาดูร ถึง 2016 ดอดจ์ ไวเปอร์ ACR (Phase VX I)หรือบางครั้งเรียกว่า SRT Viper หรือ VX เปิดตัว Reborn อีกร่าง ณ งานนิวยอร์ก ออโต้ โชว์ ปี 2012
นับเป็นโฉมใหม่ที่ออกแบบแตกต่างจากพี่น้อง Viper อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกระโปรงหน้ารถด้านหน้าซึ่งออกแบบมาให้ยาว ว ว ว มาก และเน้น Shirt Tail ท้ายสั้นๆ ซึ่งนับเป็นโฉมใหม่ที่สุดหลังจากห่างเหินไปถึง 3 ปีนับจากปี 2010
สำหรับบอดี้.. ได้รับการออกแบบโดย Scott Krugger ที่แอบไว้ตั้งแต่ปี 2010 เครื่องยนต์ได้อัพเป็น 8.4 ลิตร -V10 ให้กำลังสูง @ 640 bhp , และแรงบิดสูงสุด @ 600 lb-ft ทำให้ไวเปอร์ ACR สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 206 mph (331 km/h) ซึ่งเร็วกว่าทุกโฉมก่อนหน้านี้ทั้งหมด
2017 ..ฉลอง 25 ปี..งูจงอาง ง ง ง !?!
แต่ถึงอย่างก็ตาม ในปี 2013 ไวเปอร์ ก็ได้ Reborn ออกสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง ในโฉมที่ 5-6 หลังจากเหินหายไป 3 ปีนับจากปีที่ยุติการผลิต
จนในปี 2017 .. Dodge ส่งอสรพิษ Viper ฉลองครบรอบ 25 ปี 25th. Dodge Viper Aniversary พร้อมปิด ด ด ด ด สายพานการผลิต ปิดตำนาน 25 ปี..
จงอาง ง ง ง .. Dodge Viper รถสปอร์ตอเมริกัน American Muscle พันธุ์แท้เจ้าตำนานประวัติศาสตร์เครื่องยนต์ยักษ์ V10 พลังทะลุทุก Super Cars..ยุคมิลเลนเนี่ยม ม ม ม Y2Y
หลังจากแจ้งเกิดในแวดวง ปัง ปัง ง ง เว่อ อ อ อ )))..รถซูเปอร์คาร์สายโหด ด ด ด มาร่วม 25 ปี โดย ทาง Dodge นั้นกำลังเตรียมเฉลิมฉลองครบรอบ 25th ปี อย่างยิ่งใหญ่โดย Fare well Party ในวันล่ำลา า า า ด้วยการปล่อย Editions The Great 5 Viper ร่วม DNA พิเศษออกมาถึง 5 Model Years จึงถือเป็นวาระดิถี ..สั่งลาสายพานการผลิตสำหรับ “ไวเปอร์ซีรี่ย์อสรพิษ..”Bye Bye The Great Viper ” ณ ครานั้น น น น น..นะ ะ ะ ะ สาหยเอ๋ย ย ย ย ย ..หึ หึ หึ !?@#$%
1992-2017 ชาตะ-มรณะ ะ ะ ะ..จงอาง ดับ บ บ บ บ !?!
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ดอดจ์ประกาศปิดรับการจอง Viper ACR (Phase VX I) ไวเปอร์ลิมิเต็ดรุ่นสุดท้าย ที่มีผลิตเพียง Limited 32 คัน.”ซึ่งแต่ละคัน Viper ลิมิเต็ด ด ด ด..Gray Markets ลงคุกเข่า..ตามกันให้ควั่ก ก ก ก นะ สหายเอ๋ย ย ย ย !?@#$%
1992-2017 Dodger VIPER V10 Engine Power
Engine 8.0 L
8.3 L
8.4 L
Power 415 bhp
450 bhp
460 bhp
500 bhp
510 bhp
600 bhp
640 bhp
645 bhp
(*แหล่งข้อมูล : ดอดจ์ ไวเปอร์ – วิกิพีเดียth.wikipedia.org › wiki › ดอดจ์_ไวเปอร์)