โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ย้ำจุดยืนและความพร้อมดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หลังจากได้เปิดตัวแบรนด์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยได้เชิญหน่วยงานภาครัฐ 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม เยี่ยมชมโรงงานและฐานการผลิตพลังงานใหม่มาตรฐานระดับสากลของรถยนต์ โอโมดา แอนด์ เจคู ณ เมืองอู๋หู มณฑลอานฮุย ประเทศจีน ก่อนส่งออกมาจำหน่ายยังประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ JAECOO 6 รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรด พลังงานไฟฟ้า 100% ใช้ระบบการผลิตแบบ “Short Process” แตกต่างจากระบบ OEM ทั่วไป ควบคุมด้วยระบบ AI หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ขั้นสูง เพื่อให้ความผิดพลาดเป็นศูนย์ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ทุกคนว่ารถยนต์ที่ผลิตออกจากโรงงานของโอโมดา แอนด์ เจคู มีความปลอดภัยทั้งเรื่องของตัวโครงสร้างรถและระบบภายในของรถ โดยโรงงานนี้สามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง 200,000 คันต่อปี ตอกย้ำมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลที่แบรนด์ยึดถือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยทุกคนจะได้ใช้รถยนต์ที่ปราศจากข้อผิดพลาด
สำหรับใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการผลิตอันล้ำสมัย ทั้งระบบ Artificial Intelligence (AI) การใช้หุ่นยนต์ และระบบควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต อาทิ สถานีงานเชื่อม จะผสานการทำงานร่วมกัน 8 ระบบ ซึ่งได้แก่ระบบ MIG ที่เป็นระบบหลัก รวมถึง Automatic Arc และการเชื่อมด้วยเลเซอร์ เป็นต้น มีการใช้หุ่นยนต์ 150 ชุด คิดเป็นประมาณ 90% ของสายงานการผลิตทั้งหมดในขั้นตอนนี้ หรือสถานีประกอบตัวถัง มีพื้นที่การผลิตมากถึง 39,000 ตารางเมตร มีจุดการผลิต 83 สถานี เพื่อผลิต JAECOO 6 และ EQ7 ตั้งเป้าการผลิต 40 ยูนิตต่อชั่วโมง พร้อมแผนการขยายการผลิตในอนาคตที่จะรองรับการผลิต 200,000 ยูนิตต่อปี
อย่างไรก็ตาม โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้นำเสนอและหารือกับตัวแทนจากทั้ง 3 กระทรวงเกี่ยวกับก้าวต่อไปของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของเมืองไทย ที่โอโมดา แอนด์ เจคู พร้อมเดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางรถยนต์พวงมาลัยขวา รวมถึงแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย โดยในเฟสแรกโรงงานฯ จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่ (BEV) และไฮบริด (HEV) โดยมีเป้าหมาย 50,000 คันต่อปี และในเฟสที่สอง ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี เพื่อผลิตและจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ Chery Automobile ขอขอบคุณตัวแทนจากทั้ง 3 กระทรวงที่ให้เกียรติกับทางแบรนด์ในงานนี้