บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ที่มียอดการส่งออกอันดับ 1 ใน ประเทศจีน ติดต่อกันกว่า 21 ปี เข้าร่วมงาน SUBCON Thailand 2024 จัดโดย ความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) หรือบีโอไอ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย โดยงานนี้ นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เทคโนโลยีของ ยานยนต์ไฟฟ้าและแนวทางการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)” ผ่านการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และบอกเล่าทิศทางการดำเนินงานของโอโมดา แอนด์ เจคู ใน ประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่แบรนด์กำลังเข้ามาลงทุน โดยงาน SUBCON Thailand 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Global Sourcing Excellence” แสดงศักยภาพในภาคการผลิตในอุตสาหกรรมของไทยที่จะรองรับการ เติบโตอุตสาหกรรมยายนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีแน้วโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการวางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย งานนี้ได้รับเกียรติจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษอีกด้วย
นาย ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เล็งเห็นศักยภาพของภาคการผลิตและอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่มีความพร้อมในระดับภูมิภาค ซึ่งนอกจากความพร้อมของภาคการผลิตแล้ว ประเทศไทยยังเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ประกอบกับการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ หรือรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ Zero Emission Vehicle (ZEV) ของรัฐบาล ที่ตรงกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) รวมถึงบริษัทแม่อย่าง Chery Automobile ได้ให้ความสำคัญมาตลอด โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาแบรนด์ให้สอดคล้องกับความต้องการผู้ขับขี่และห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในฐานะผู้ ผลิตไปพร้อม ๆ กัน ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ (Automobile) อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและส่วนประกอบของรถยนต์ (Parts and Components) ภาคบริการ รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Connected Vehicle) อย่างไรก็ดี โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้วางแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงาน ประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ซึ่งการลงทุนจัดตั้งโรงงานฯ ดังกล่าวนี้ ในเฟสแรกจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่ (BEV) และไฮบริด (HEV) โดยมีเป้าหมาย 50,000 คันต่อปี และในเฟสที่สอง ภายในปี 2571 จะขยาย กำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้