สำหรับโอดิสซีย์ ปี56 คันนี้ดูด้านหน้าคล้ายๆ กับแอคคอร์ด ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำคั่นด้วยกระจังหน้า ที่มีโลโก้ฮอนด้าอยู่ตรงกลาง ติดปลายด้วยโคมไฟหน้าแบบฮาโลเจน ใช้ไฟสูงแบบโปรเจคเตอร์ ช่องรับลมตรงด้านล่างของกระจังมีขนาดไม่ใหญ่มาก เมื่อใช้สีด้านบนกับกันชนต่างกันทำให้กันชนหน้ามีรูปทรงแปลกตาออกไป
โอดิสซีย์มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1994 เป็นรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ที่ตลาดยอมรับกับรูปโฉมและประโยชน์ใช้สอย ถูกปรับปรุงพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จากรถตัวถังทรงสูงกลายมาเป็นรถทรงเตี้ยที่คล้ายรถเก๋งแวนเข้าไปทุกที
กระจังหน้าโครเมี่ยมแบบโครมดำออกแบบให้เห็นเป็นช่องยาวๆ แต่ภายในจะกั้นเป็นช่องเล็กๆ เพื่อกันเศษหินกระเด็นเข้าไป ไฟท้ายใช้หลอด LED เพื่อความทนทานในการใช้งาน กระจกมองข้างติดไฟเลี้ยวเอาไว้เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนกว่า
ภายในห้องโดยสารเป็นจุดขายของโอดิสซีย์ สำหรับการเป็นรถครอบครัวที่สะดวกสบายกับเบาะนั่ง 3 แถว โดยเบาะนั่งคู่หน้าจะมีปีกด้านข้างขนาดใหญ่ช่วยให้กระชับลำตัวได้ดีเวลาเข้าโค้ง เบาะนั่งฝั่งคนขับจะสามารถปรับสูง-ต่ำได้
ระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าจะมีถาดสำหรับวางแก้วและของเล็กๆได้พร้อมฝาปิด สามารถพับเก็บไว้ข้างๆได้ แต่อย่าเผลอกดพับเล่นตอนทีมีแก้วน้ำวางอยู่เดี๋ยวจะหกเลอะเทอะ
เมื่อพับถาดวางแก้ว ก็จะมีช่องว่างระหว่างเบาะสามารถเอนไปยังด้านหลังได้ แต่ก็ไปได้แค่เบาะแถวกลางที่ออกแบบเป็นเบาะยาว สำหรับ 3 คนสามารถปรับพนักพิงให้เอนไปด้านหลังได้ แยกพับเป็น 40:20:40 บริเวณพื้นห้องโดยสารเรียบไม่มีซุ้มอุโมงค์มาเกะกะ
เบาะแถวหลังสุดไม่หนามากรองรับสำหรับ 2 คน สามารถพับเก็บด้วยไฟฟ้าจากปุ่มที่อยู่ตรงผนังข้างซ้าย สะดวกในการใช้งานเมื่อพับเก็บแล้วจะได้พื้นที่เรียบๆ สำหรับวางสัมภาระขนาดใหญ่ได้
สะดวกกับช่องเก็บของตามจุดต่างๆ ทั้งตรงถาดและระหว่างเบาะคู่หน้าและตรงพนักเท้าแขนช่องเบาะแถว 2 รวมถึงช่องเก็บของของบริเวณแผงประตูหน้า / หลัง
แผงคอนโซลของโอดิสซีย์ ดูเป็นงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง มีการเล่นระดับดูเป็นอิสระพร้อมเส้นสายโค้งนูน มีการตกแต่งด้วยลายไม้และสีตะกั่วให้ดูกลมกลืนเข้ากันได้ดี เครื่องเสียงมีระบบนำทางมาให้ สามารถเล่นดีวีดีได้ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB จะขาดก็แต่กล้องมองหลังที่เชื่อมต่อกับชุดเครื่องเสียงได้เท่านั้นเอง การออกแบบให้คันเกียร์ไปอยู่บนแผงคอนโซลทำให้ได้พื้นที่ว่างของด้านหน้าเพิ่มเข้ามา คันเกียร์จะอยู่ใกล้พวงมาลัย ซึ่งใช้พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้าน สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ชุดควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนพวงมาลัย
การกระจายความเย็นภายในรถทำได้ทั่วถึงด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องปรับอากาศสำหรับเบาะแถว 2 และแถว 3 ทำให้ความเย็นกระจายทั่วถึงกันทั้งคัน โดยมีสวิตซ์แยกควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศด้านหลัง ความปลอดภัยในห้องโดยสารจะมีถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ทั้งคู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
พละกำลังที่วางอยู่ในโอดิสซีย์ จะเป็นเครื่องยนต์ แถวเรียง 4 สูบ วางขวาง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร จะให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 218 นิวตัน – เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ให้รอบเครื่องยนต์ต่ำ ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.อยู่ที่ 2,000 รอบ รอบต่อนาที อัตราเร่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงจะไม่แรงแต่ก็ไม่ช้าในการออกตัว การเร่งแซงทำได้ดีระดับหนึ่ง อัตราเร่งช่วง 140 กม./ชม. ขึ้นไปจะเริ่มช้า แต่ก็ไม่มีการจำกัดความเร็วสามารถทำความเร็วเร็วขึ้นไปได้เกิน 200 กม./ชม. เล็กน้อย
การทรงตัวผ่านความเร็วกลางๆ ไม่มีปัญหากับระบบกันเทือนหน้าและหลังเป็นแบบอิสระดับเบิ้ลวิชโบน แต่ช่วงความเร็วสูงจะด้อยลงไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติกับรถที่มีตัวถังที่ยาว 4,800 มม. กว้าง 1,800 มม. และสูง 1,545 มม. จะใช้ฐานล้อยาว 2,830 มม. และมีช่วงล้อหน้า 1,560 มม.ช่วงล้อหลัง 1,560 มม. โอดิสซีย์รุ่นนี้เป็นรถที่เหมาะกับการเดินทางจากอัตราเร่งช่วงกลางๆ จะดีระดับ 100 – 140 กม. ทำได้ดี ความแม่นยำของพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าก็ไม่ขี้เหร่ นักกับรถ 7 ที่นั่งแบบนี้