โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน คือ อัครยนตรกรรมที่สร้างตำนานบทใหม่ให้กับผู้ผลิต รังสรรค์ขึ้นบนบรรทัดฐานของลูกค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ยุคใหม่ ที่ต้องการความโดดเด่นและไม่ซ้ำใคร ทำให้ คัลลิแนน ซีรีส์ ทู เป็นการพัฒนาตามแนวคิดดังกล่าวร่วมกับลูกค้าให้เหนือชั้นอีกระดับ ผสานรายละเอียดสุดประณีต ตามแบบฉบับของอัครยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ อย่างชัดเจนด้วยรูปลักษณ์ทันสมัย โดนใจด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวการเน้นใช้งานในเมืองใหญ่ และการที่ลูกค้านิยมขับเองมากขึ้น ทำให้รูปลักษณ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของ โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน ซีรีส์ ทู สะท้อนความระยิบระยับของแสงไฟจากตึกระฟ้าในเมืองใหญ่ เห็นได้ชัดจากเดย์ไทม์รันนิงไลท์ที่เพิ่มความยาวในแนวดิ่ง เพิ่มความโดดเด่นให้กับ คัลลิแนน ซีรีส์ ทู ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
ด้านหน้าของ คัลลิแนน ซีรีส์ ทู เน้นเส้นสายเหลี่ยมสันและขอบมุมที่คมกริบ ส่งผลให้รูปลักษณ์โดยรวมมีความโดดเด่นและชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่เส้นสายกันชนหน้าดูคล้ายอักษร V แบบตื้น ลากจากจุดต่ำสุดของเดย์ไทม์รันนิงไลท์ ไปถึงจุดกึ่งกลางของด้านหน้า สะท้อนเส้นสายของเรือยอทช์ทรงสปอร์ต ส่วนด้านล่างเป็นช่องระบายอากาศที่ออกแบบให้มีครีบเอนออกไปด้านข้าง ส่งผลให้รถดูเตี้ยเมื่อมองจากด้านหน้า นอกจากนั้นก็มีกระจังหน้าแพนธิออนแบบเรืองแสงติดตั้งบริเวณจุดกึ่งกลาง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ คัลลิแนน ได้รับการติดตั้งกระจังหน้าเรืองแสง โดยปรับแต่งให้ดูเตี้ยลง ประกบบน-ล่างด้วยคิ้วโครเมียมแบบใหม่ ได้รับแรงบัลดาลใจจากรุ่นสูงสุดอย่าง แฟนธอม ซีรีส์ ทู (Phantom Series II)
ขณะที่เส้นสายด้านหน้ามีความเป็นเหลี่ยมสัน ผู้ผลิตก็ได้เพิ่มลูกเล่นในด้านท้าย เป็นเส้นสายเล็กๆ แต่ชัดเจน ลากจากใต้ไฟท้ายลงไปหาจุดกึ่งกลางของฝาปิดดุมล้อที่มีสัญลักษณ์ RR บริเวณล้อคู่หลัง ช่วยเพิ่มความปราดเปรียวให้กับรถ และสะท้อนการขับเคลื่อนไม่หยุดนิ่ง เพิ่มเติมรายละเอียดด้วยกันชนท้ายสีดำเงา ตัดกันกับพื้นถนน สร้างความโดดเด่นให้มุมมองด้านท้ายยิ่งไปกว่านั้น นับเป็นครั้งแรกสำหรับ คัลลิแนน ที่ล้อและยางได้รับการเพิ่มขนาดเป็น 23 นิ้ว ซึ่งล้อแต่ละวงได้รับการขึ้นรูปจากก้อนอะลูมิเนียม มาพร้อมลาย 7 ก้าน ที่สามารถเลือกแบบปัดเงาบางส่วนหรือทั้งหมดได้ตามต้องการ
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน ซีรีส์ ทู ก็พบกับที่สุดแห่งความหรูหรา ที่ผ่านการเพิ่มเติมรายละเอียดให้เลอค่าเหนือระดับ เริ่มจากความเงางามของแดชบอร์ดที่ผลิตจากกระจกทั้งชิ้น สะท้อนงานฝีมือสุดประณีต เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว
ติดตั้งมาตรวัดดิจิทัลหน้าผู้ขับ รวมถึงจอแสดงผลกลางแดชบอร์ด ‘Central Information Display’ ได้รับการออกแบบใหม่ให้ส่องสว่างตลอดเวลา แสดงถึงความล้ำสมัยของระบบควบคุม ‘สปิริต’ อันทันสมัย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งมาตรวัดดิจิทัลใน โรลส์-รอยซ์ เครื่องยนต์เบนซิน วี12 สูบ อย่าง คัลลิแนน หลังเริ่มใช้กับยนตรกรรมไฟฟ้าล้วน ‘สเปกเตอร์’ (Spectre) เป็นรุ่นแรก และเป็นเสมือนการเชื่อมโยงเพื่อก้าวไปสู่โลกดิจิทัลเต็มตัว โดยลูกค้าสามารถกำหนดสีของมาตรวัดดิจิทัล ให้แมตช์กับสีของห้องโดยสารหรือตัวถังได้ตามต้องการ
ครบครันเรื่องความบันเทิงและการเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ต จากไว-ไฟฮอตสปอต ภายในรถผู้โดยสารด้านหลังสามารถเชื่อมต่อกับจออินโฟเทนเมนต์ทั้ง 2 ตัว ได้อย่างอิสระ พร้อมเพลิดเพลินไปกับระบบเครื่องเสียง Bespoke Audio 18 ลำโพง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ 18 แชนแนล 1,400 วัตต์ ที่ใช้ประโยชน์จากช่องว่างในโครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม ให้เกิดความถี่เสียงที่ละเอียดและไพเราะ ทำให้รถทั้งคันเป็นเสมือนซับวูเฟอร์ขนาดยักษ์ ทว่า หากลูกค้าต้องการความเป็นส่วนตัว ก็เป็นครั้งแรกสำหรับ คัลลิแนน ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อบลูทูธทุกประเภทได้อย่างอิสระนอกจากนั้น ผู้ครอบครอง โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน ก็ได้รับสิทธิ์เข้าถึงแอพลิเคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ‘วิซเพอร์ส’ (Whispers) บนสมาร์ทโฟน ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า อาทิ การส่งโลเคชั่นเข้าสู่ระบบนำทางของรถ, ติดตามตำแหน่งรถจากระยะไกล และ การสั่งเปิด-ปิดประตูรถ เป็นต้น
แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) เริ่มใช้ครั้งแรกกับรุ่น โกสต์ (Ghost) ตามด้วยรุ่น สเปกเตอร์ และปัจจุบันได้นำมาติดตั้งเป็นครั้งแรกใน โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน โดยใช้เทคนิคการฉลุด้วยเลเซอร์ที่ในต่ำแหน่งและองศาที่ต่างกัน รวมกว่า 7,000 ตำแหน่ง เพื่อให้แสงสว่างด้านหลังเล็ดลอดออกมา เกิดเป็นลวดลายคำว่า ‘Cullinan’ พร้อมภาพจำลองของตึกระฟ้ายามค่ำคืน หรือหากลูกค้าต้องการสร้างคำหรือภาพอื่นๆ ก็สามารถสั่งได้ ถัดมาด้านขวากันเป็นอีกไฮไลท์สำคัญ คือ ‘Spirit of Ecstasy Clock Cabinet’ หรือนาฬิกาแบบใหม่ ที่มาพร้อมนางฟ้าเรืองแสง ผลิตจากสเตนเลสทั้งชิ้นดูสวยงามและหรูหราขั้นสูงสุด เมื่อผู้โดยสารเปิดประตูรถ มาตรวัดหน้าผู้ขับจะสว่างขึ้น ตามด้วยจอแสดงผลตรงกลาง, แดชบอร์ดเรืองแสง ก่อนนำสายตาสู่นางฟ้าบริเวณฐานนาฬิกา เกิดเป็นการแสดงแสงสีแบบไฮ-คลาส เป็นผลจากการพัฒนากว่า 4 ปี