สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จัดการแข่งขันวิ่ง 31 ขาสามัคคี “สพฐ.–ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ปีที่ 18” รอบชิงแชมป์ประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “กล้า ก้าว สามัคคี” เฟ้นหาทีมเยาวชนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 อายุระหว่าง 10-12 ปี ที่รวมพลังวิ่งด้วยความเร็วและความสามัคคีที่สุดเพียงหนึ่งเดียวจากทั่วประเทศ ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ที่สนามฟุตบอล 1 การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก)
ผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมแชมป์ตกเป็นของ รร.บ้านริมใต้ จ.เชียงใหม่ สนับสนุนโดย บริษัท นัติมอเตอร์ จำกัด ที่ทำเวลาได้ดีที่สุด 9.103 วินาที คว้าแชมป์ประเทศไทยไปครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ตามด้วยอันดับ 2 รร.ท่าปลาอนุสรณ์ 1 จ. อุตรดิตถ์ สนับสนุนโดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชูโชคชัย 1992 ทำเวลาได้ 9.173 วินาที และอันดับ 3 รร.อามานะศักดิ์ จ.ปัตตานี สนับสนุนโดย บริษัท อริยะมอเตอร์ (ปัตตานี) จำกัด เวลา 9.499 วินาที
สำหรับ กติกาการแข่งขัน แต่ละทีมต้องมีนักกีฬาตัวจริง 30 คน (หัวหน้าทีม 1 คน) นักกีฬาตัวสำรอง 4 คน และครูผู้ควบคุมการฝึกซ้อม 1-3 คน ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทั้ง 30 คน จะผูกขาติดกัน แล้ววิ่งเป็นระยะทาง 50 เมตร โดยไม่ล้ม แต่ละทีมสามารถวิ่งได้ 2 ครั้ง และคณะกรรมการจะบันทึกเวลาครั้งที่ดีที่สุดของแต่ละทีม เพื่อหาผู้ชนะที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดเพียงหนึ่งเดียว นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษให้แก่ทีมที่สามารถทำลายสถิติประเทศไทยที่สร้างขึ้นโดย ทีมโรงเรียนชลประทานผาแตก จ.เชียงใหม่ ด้วยสถิติ 8.53 วินาทีอีกด้วย ส่วนสถิติโลกที่ Guinness World Records บันทึกไว้เป็นของทีมโรงเรียนศิลปะป้องกันตัว เส้าหลิน ประเทศจีน เวลา 8.41 วินาที
ทั้งนี้ กีฬาวิ่ง 31 ขา สามัคคี มีจุดเริ่มต้นขึ้น ณ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยรูปแบบเกมกีฬาชนิดนี้ ถูกคิดค้นเพื่อท้าทายความสามารถ และสร้างประสบการณ์แห่งความสามัคคีให้กับนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษาจนกลายเป็นกีฬายอดนิยมทั่วประเทศญี่ปุ่น ก่อนเข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2548 โดยกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการแข่งขัน พร้อมผนึกกำลังร่วมกันระหว่างคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ได้ขยายการจัดการแข่งขันสู่ทีมโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน เพื่อฝึกฝนให้เยาวชนไทยได้รู้จักการเล่นกีฬาร่วมกันเป็นทีม มีความอดทน มุ่งมั่น สามัคคี รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองสู่การเป็นผู้นำในอนาคตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 18 ปี