ในวาระครบรอบ 60 ปี โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย คุณนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้เกียรติในพิธีฉลองครบรอบ 30 ปี มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย และมอบเงินสมทบทุนจดทะเบียนให้แก่มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย เป็นจำนวน 500 ล้านบาท โดยมีคุณประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ ทำให้เงินทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นเป็น 900 ล้านบาท เพื่อขยายการดำเนินกิจกรรมสนับสนุนในด้านทุนการศึกษา และร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส ทั้งในด้านความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อม และสุขอนามัย ซึ่งนับเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 ณ ห้องเบญจสิริ บอลรูม โรงแรมแบงค็อก แมริออท สุขุมวิท 57
มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2535 ภายใต้เจตนารมณ์ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจาก นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบันการศึกษาในประเทศ เพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลอันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ 1. สนับสนุนการศึกษาทุกระดับชั้น 2. ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม 3. ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์
โดยตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ได้มุ่งเน้นในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการศึกษา ซึ่งได้มอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชน ไปแล้วกว่า 18,000 ทุน ครอบคลุม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย รวมถึงในด้านของการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 500 ล้านบาทซึ่งในปีนี้ ในวาระครบรอบ 60 ปี ในการดำเนินกิจกรรมในประเทศไทยของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัทฯ จึงมีความมุ่งมั่นในการสานต่อเจตนารมณ์ เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กไทย โดยได้มอบเงินเพื่อสมทบทุนจดทะเบียนให้กับมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย เป็นจำนวน 500 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นเป็น 900 ล้านบาท เพื่อขยายการดำเนินกิจกรรมสนับสนุนทุนการศึกษาให้เยาวชนผู้ด้อยโอกาสในทุกระดับชั้น และร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในถิ่นทุรกันดารอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ก็ยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาด้านวิชาชีพ รวมไปถึงปัญหาด้านความขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุข จึงได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในการส่งเสริมฝีมือแรงงาน โดยจะสนับสนุนทุนการศึกษาด้านอาชีวศึกษา และนักเรียนพยาบาล อีกทั้งยังสนับสนุนให้มีโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและชุมชนที่อยู่ห่างไกล เพื่อให้เด็กในวัยเรียนได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ