บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพประกาศความร่วมมือเพื่ออากาศสะอาด (Clean Air Initiative) อย่างเป็นทางการ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย หอการค้าเยอรมัน-ไทย รวมถึงบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ทอร์คีโด เอเชีย-แปซิฟิค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจากเยอรมนีที่เข้ามาดำเนินธุรกิจภายในประเทศไทยเช่นเดียวกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 เมื่อเร็ว ๆ นี้
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวปิดท้ายการประกาศความร่วมมือเพื่ออากาศสะอาดในครั้งนี้ว่า “การเข้าร่วม “Clean Air Initiative” ในวันนี้ร่วมกับสมาชิกหอการค้าเยอรมัน-ไทยถือว่าสอดคล้องกับพันธกิจและสิ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ทำอย่างต่อเนื่องมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการวางเป้าหมายในการเป็นบริษัทที่เป็นกลางทางคาร์บอนในทุกโรงงานผลิตของเราทั่วโลกในปี 2565 เรื่อยไปจนถึงการที่เราริเริ่มโครงการ “Charge to Change” เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมาชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้บ่อยขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหา PM 2.5 สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้กับคนไทย นอกจากนี้เรายังวางเป้าหมายไว้อีกว่าภายในปี 2573 ร้อยละ 50 ของผลิตภัณฑ์จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องเป็น xEVs ซึ่งหมายถึงรวมทั้งรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า 100% เมอร์เซเดส-เบนซ์ตั้งเป้าหมายเหล่านี้ไว้เพราะเราเชื่อว่า ผู้ประกอบการในภาคการผลิตรถยนต์ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการสร้างสภาวะอากาศที่ดีด้วย ซึ่งในส่วนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เราได้จัดจำหน่ายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทยไปแล้วกว่า 20,000 คันนับตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน การนำโครงการ “Charge to Change” ของเรามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “Clean Air Initiative” จะช่วยสร้างความตระหนัก และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันบรรเทาปัญหามลภาวะทางอากาศในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและได้ผล”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุชัดเจนว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของฝุ่นละออง PM 2.5 นั้นมาจากการเดินทางโดยรถยนต์ และเฉพาะในกรุงเทพฯ เพียงเมืองเดียวก็มีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนอยู่มากกว่า 10 ล้านคัน ปัญหา PM 2.5 จึงยังเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยทุกภาคส่วนต้องหันมาร่วมมือกันแก้ไข โครงการ “Charge to Change” ภายใต้ความร่วมมือ “Clean Air Initiative” ของเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมสานต่อพันธกิจในการกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทุกยี่ห้อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาชาร์จไฟฟ้าให้มากขึ้น ทำให้ประสบการณ์ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกและเข้าถึงง่ายที่สุด และผสานความร่วมมือกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ การพัฒนาแอพพลิเคชันทางโทรศัพท์มือถือ และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนารถยนต์อีวีเพิ่มเติมด้วย